เกมระหว่าง “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ และ “สิงห์โตน้ำเงินคราม” เชลซี
UFABET มีความน่าสนใจหลายประการทั้งเชิงผิว ๆ เรื่องสถานการณ์ปัจจุบันของทั้ง 2 ทีม และ “เชิงลึก” ในเรื่องแท็คติกส์การเล่นที่มาในจังหวะสำคัญเพียงนัดที่ 2 ของฤดูกาลแต่ทว่า ถูกที่ ถูกเวลาจริง ๆ แต่จะ “ถูกอย่างไร?” ไปติดตามกันได้เลย...
1.สถานการณ์พอเหมาะพอเจาะ
หากเลือกได้ อยากคิดเหมือนกันว่า สเปอร์ส จะเลือกคู่แข่งเกมแรกในบ้านหลังใหม่ นิว เวมบลีย์ เป็น “แชมป์เก่า” เชลซี ที่เพิ่งแพ้ในนัดเปิดฤดูกาลให้ เบิร์นลีย์ หรือไม่?
แน่นอนครับ “สิงห์บาดเจ็บ” ยังไงก็น่ากลัว และอาจอันตรายกว่า ตอนภาวะปกติเสียอีก เฉพาะอย่างยิ่ง ไก่เดือยทอง ยังพกดีกรีรองแชมป์เก่า และคู่ปรปักษ์ ลอนดอน พ่วงท้ายมาด้วย
คำถามข้อนี้ จึงไม่ได้อยู่ที่ “ฟุตบอลเพียว ๆ” เพราะเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ และลูกทีมมีดีพอชนะเชลซีได้อยู่แล้ว แต่ทว่า ในบ้านที่ไม่คุ้นเคย และพิสูจน์ตั้งแต่ฤดูกาลในบอลถ้วยยุโรป ทีมตราไก่จะ “เอาชนะ” อุปสรรคความไม่คุ้นชินที่เสมือนเป็นข้อด้อยของตัวเอง แต่ไปเสริมแรงให้คู่แข่งได้อย่างไร?
เขียนถึงตรงนี้ หลายคนอาจมาองแค่ “ปัจจัย” เรื่องการเปลี่ยนสถานที่ เปลี่ยนความจุสนาม แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือ การย้ายจากสนามที่มีขนาดเล็กที่สุด (ไวท์ ฮาร์ท เลน – 100m x 67m) สู่สนามที่ใหญ่ที่สุด (เวมบลีย์ – 105m x 68m) ซึ่งมีผลต่อการครองบอล และสปีดบอลในการเล่น
ขณะเดียวกัน เชลซี หากไม่แพ้มาก่อนก็อาจไม่ “กดดัน” แบบนี้ที่โอกาสจะแพ้ติดต่อกัน 2 แมตช์แรกของซีซั่นจะไม่มีทางสูงเท่านี้ หากต้องเจออีก 18 ทีมในลีกที่ไม่ใช่สเปอร์ส ณ นิว เวมบลีย์ ดูบอลได้ที่นี่เลยสุดคุ้ม
2.การปะทะกันของระบบ 3-4-3
สเปอร์สจะเล่นระบบอะไร? เกมแรกโปเช็ตติโน่ ใช้ “หลัง 4” ต่อกรกับนิวคาสเซิล และแม้ต้องรอถึงครึ่งเวลาหลังให้ จอนโจ้ เชลวีย์ โดนไล่ออกไปก่อน แต่สเปอร์สก็เก็บชัยชนะในเกมเยือนยาก ๆ ได้ 2-0
ประเด็นคือ เล่นหลัง 4 ได้ดีในแมตช์แรก กุนซืออาร์เจนไตน์จะปรับระบบเหมือนเมื่อเดือน ม.ค.ที่หันมาเล่นระบบ ชนะระบบ (3-4-3 ปะทะกับ 3-4-3) และทำสำเร็จเอาชนะเชลซี ได้งดงาม 2-0 หรือไม่
ขณะที่ เชลซี และอันโตนิโอ คอนเต้ ยังจะใช้ระบบดังกล่าวต่อไปแม้จะพลาดในเกมแรก และจะไม่มีกัปตันทีม แกรี่ เคฮิลล์ กับเชส ฟาเบรกาส ที่โดนใบแดงจากเกมแรกก็ตาม (ใช่ไหม!?)
“จุดเด่น” ข้อได้เปรียบของระบบนี้ คือ วิงก์แบ็กทั้ง 2 ข้าง และความสำคัญของมิดฟิลด์คู่กลางที่ต้องทำหน้าที่ได้ “สมบูรณ์แบบ” ที่สุดเพื่อให้ทีมรักษาบาลานซ์ได้สูงสุด
หากระบบนี้เจอกับ “หลัง 4” คำตอบจะอีกเรื่องหนึ่ง แต่พอเป็นระบบชนระบบ ฟุตบอลเกมนี้จึงอาจไม่สนุก หรือมีความได้เปรียบเสียเปรียบเลื่อมล้ำกันที่ตัวระบบ
แต่จะ “ชนะ” หรือ “แพ้” กันที่การต่อสู้ตำแหน่ง ต่อตำแหน่งมากกว่าครับ
3.คีย์ Battle ของระบบ “หลัง 3”
เขียนถึงตรงนี้ ผมอาจจะมอง “ผิดหมด” หากโปเช็ตติโน่ หันมาเล่น “หลัง 4” แต่อย่างไรก็ดีครับ แม้ว่าจะ “หลัง 4” ผมก็ยังเชื่อว่า แบ็คทั้ง 2 ฝั่งของน้องไก่จะเติมได้สูง
ขณะที่ มิดฟิลด์ 1 คนจะต้องลงรับต่ำ (เช่น เอริค ดายเออร์) แล้วถ่าง แยน แฟร์ตองเกน กับโทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ ออกไปด้านข้างเพื่อดัน เบน เดวีส์ และไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส ลุยริมเส้น
นั่นจะหมายความ เดวีส์ จะปะทะตรงกับ วิคเตอร์ โมเมส ที่พ้นโทษแบนกลับมา และวอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมแรกจะปะทะกับ มาร์กอส อลองโซ่ (คล้ายเล่น “หลัง 3” อยู่ดี)
ในแดนกลาง การขาดของ เนมันย่า มาติช จะได้รับการพิสูจน์เพิ่มเติมในเกมนี้ด้วยการมาของ ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ คู่กับเอนโกโล กองเต้
แน่นอนครับ “คีย์ battle” อื่น ๆ ที่ทุกคนต้องพุดถึงก็เช่น แฮร์รี เคน กับดาวิด ลุยส์ หรือแม้แต่บทบาทของ อัลบาโร่ โมราต้า ที่ลงมาเป็นตัวสำรองและทำได้ดี
ไม่นับ คริสเตียน เอริคส์เซ่น กับฉายาเจ้าพ่อ assist อีกคนหนึ่งของวงการที่จะมีใครหยุดยั้งเค้าได้
สำหรับการรับชมฟุตบอลมันส์ ๆ แบบนี้ และฟุตบอลระดับโลก 7 ลีก 5 ถ้วย ทุกที่ ทุกเวลา “ออนไลน์” รับชมได้จากแอพพลิเคชั่น TrueID กับแพ็คเกจทรูมูฟ เอช 4G+ Fun Unlimited แพ็คเกจรายเดือน ดูฟรีทั้งปี