กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10
71


Nissan ประกาศขาดทุนอย่างหนักกว่า 670.9 พันล้านเยน หรือราว 161,000 ล้านบาท เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมเปิดเผยแผน “Re:Nissan” เพื่อฟื้นฟูองค์กร ซึ่งหนึ่งในแนวทางหลักคือการปิดโรงงานผลิต 7 แห่งทั่วโลกภายในเดือนมีนาคม 2028



แม้จะยังไม่เปิดเผยรายชื่อโรงงานทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบ แต่แหล่งข่าวจากสำนักข่าว Reuters รายงานว่า Nissan กำลังพิจารณาปิดโรงงาน 2 แห่งในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงโรงงานในแอฟริกาใต้และอาร์เจนตินา พร้อมถอนโรงงานในอินเดียออกจากการดำเนินงาน และปรับโครงสร้างโรงงานในเม็กซิโกให้มีความสอดคล้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

2 โรงงานของ Nissan ในญี่ปุ่นเสี่ยงถูกปิด
โรงงานที่ถูกจับตามองในญี่ปุ่นคือโรงงาน Oppama และ Shonan
Oppama มีศักยภาพในการผลิตรถยนต์ 240,000 คันต่อปี ปัจจุบันมีพนักงานประมาณ 3,900 คน ผลิตรถยนต์รุ่น Note และ Leaf
Shonan เป็นโรงงานผลิตรถเพื่อการพาณิชย์ที่ร่วมทุนกับอีกบริษัทหนึ่ง โดย Nissan ถือหุ้นอยู่ครึ่งหนึ่ง มีกำลังการผลิตปีละ 150,000 คัน ผลิตรถรุ่น NV200 Vanette, Caravan และ AD Wagon มีพนักงานราว 1,200 คน
หากสองโรงงานนี้ถูกปิดจริง Nissan จะเหลือโรงงานในญี่ปุ่นเพียง 3 แห่ง คือที่ Tochigi และอีกสองแห่งในภูมิภาคคิวชู ถือเป็นการปิดโรงงานในประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2001 ที่เคยปิดโรงงาน Murayama ภายใต้การบริหารของ Carlos Ghosn

ขยายผลกระทบไปยังโรงงานต่างประเทศ
Nissan ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การผลิตรถกระบะ Navara จะถูกรวมศูนย์ไว้ที่โรงงานในเม็กซิโก โดยจะยุติการผลิตในอาร์เจนตินา ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตในสามประเทศคือ เม็กซิโก อาร์เจนตินา และไทย
นอกจากนี้ บริษัทยังยืนยันว่ากำลังถอนตัวจากโรงงานในอินเดีย โดย Renault ซึ่งเป็นพันธมิตรร่วมทุนได้ประกาศเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ว่าจะเข้าซื้อหุ้นของ Nissan ในโรงงานดังกล่าว ซึ่งผลิตรถยนต์อย่าง Nissan Magnite, X-Trail, Renault Kwid, Kiger และ Triber

ขณะเดียวกัน โรงงาน Sunderland ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นฐานการผลิต Qashqai, Juke และ Leaf จะไม่ได้รับผลกระทบ รวมถึงโรงงานในสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปลอดภัยเช่นกัน

แผนฟื้นฟูที่มาพร้อมการลดคนและหยุดพัฒนาบางรุ่น
นอกจากการปิดโรงงาน Nissan ยังวางแผน ลดพนักงานกว่า 20,000 คนภายในเดือนมีนาคม 2028 และมุ่งหาประสิทธิภาพจากแผนกวิจัยและพัฒนา รวมถึง หยุดการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ที่มีกำหนดเปิดตัวหลังมีนาคม 2027 เป็นการชั่วคราว เพื่อควบคุมต้นทุนและเน้นการฟื้นฟูองค์กรในระยะยาว
ข้อมูลจาก Carexpert
72
Motor Zone / S-Presso หน้าตาใหม่ สไตล์ Jimny ตัวจิ๋ว แต่ลุคลุยไม่เบา
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 19-05-25, 08:56:33 pm »


Suzuki S-Presso รถเล็กยอดนิยมในหลายประเทศแถบเอเชีย ได้รับการแปลงโฉมโดยสำนักแต่ง GH Style จากอินโดนีเซีย ด้วยคอนเซปต์ "Mini Jimny" จนดู rugged ขึ้นแบบเห็นได้ชัด



รายละเอียดการแต่งที่น่าสนใจ

กระจังหน้าทรงกล่องใหม่แบบเดียวกับ Suzuki Jimny
เปลี่ยนโคมไฟหน้าเป็นทรงกลม พร้อมไฟ DRL ทรงเดียวกัน
กันชนหน้าทรงใหม่ พร้อมไฟตัดหมอกสีเหลือง
ซุ้มล้อโป่งรอบคัน + สเกิร์ตข้างสีดำ
ล้อสีขาวสไตล์ออฟโรด ขนาดพอเหมาะกับตัวถัง
ด้านหลังเปลี่ยนกันชนท้ายใหม่ + สปอยเลอร์บนฝาท้าย



เครื่องยนต์ยังคงเดิม

ขนาด 1.0 ลิตร 3 สูบ ให้กำลัง 67 แรงม้า และแรงบิด 90 นิวตันเมตร
น้ำหนักตัวเบาเพียง 700 กก. ขับขี่ในเมืองคล่องตัว
แม้จะไม่ใช่รถลุยจริงจัง แต่การเปลี่ยนหน้าตาให้คล้าย Jimny ก็ช่วยเสริมคาแรกเตอร์ S-Presso ให้มีเอกลักษณ์มากขึ้น เหมาะกับคนที่ชอบความแตกต่างในงบประหยัด

ที่มา Carscoops
73


Xpeng ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนเปิดเผยภาพแรกของ P7 เจเนอเรชันใหม่ ซึ่งพัฒนาต่อยอดจากรุ่นปัจจุบันในชื่อรหัส E29 และอาจใช้ชื่อทางการว่า “P7 Ultra” ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวเต็มรูปแบบในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้



ดีไซน์ใหม่ หล่อเฉียบแบบ Lamborghini
ผู้ออกแบบยังคงเป็น Rafik Ferrag เจ้าเก่าจากรุ่นแรก แต่คราวนี้ยกระดับดีไซน์ให้โดดเด่นขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะไฟหน้าแบบ Y-shape แนวนอน ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Lamborghini Revuelto ผสานกับเส้นสายแบบ Honda S7 ทำให้ด้านหน้าดูทั้งดุดันและล้ำอนาคต

มี ไฟ DRL แบบแท่ง Y
แถบไฟ LED คาดยาวด้านหน้า
ไฟหน้าแท้จริงซ่อนอยู่ใต้แถบไฟ
โลโก้ Xpeng ด้านหน้ามีไฟส่องสว่าง



ด้านหลังออกแบบให้เข้าชุดกับด้านหน้า ด้วยเส้นไฟ LED แนวนอนบางเฉียบ พร้อม สปอยเลอร์หลังยืดหดได้ ที่ช่วยเพิ่มอารมณ์สปอร์ตแบบ fastback

แพลตฟอร์มใหม่ + วิ่งไกลเกิน 700 กม.
P7 รุ่นใหม่อาจเป็นรุ่นแรกที่ใช้ แพลตฟอร์ม Kunpeng ที่ Xpeng พัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยมีศักยภาพรองรับเวอร์ชัน Range-Extender ในอนาคต แต่เบื้องต้นจะเปิดตัวเป็น EV ล้วน

คาดว่าขุมพลังอาจเทียบเท่า หรือแรงกว่ารุ่น P7+ ปัจจุบัน:

กำลังสูงสุด 466 แรงม้า (348 kW)
ระยะทางวิ่ง (CTLC) มากกว่า 700 กม.
ภายในหรู – สีม่วงอ่อน + จอใหญ่กลาง
แม้จะยังไม่มีภาพทางการของห้องโดยสาร แต่ภาพหลุดจากจีนเผยให้เห็น:

เบาะหนังสีม่วงอ่อน (Light Purple) สไตล์พรีเมียม
จอกลางอินโฟเทนเมนต์ขนาดใหญ่
คาดว่าใช้ ระบบช่วยขับแบบไม่ใช้ LiDAR แต่ใช้กล้องเป็นหลัก
คาดขายจริงปลายปี – เปิดตัวเร็วสุดในงานกวางโจว
แม้ Xpeng ยังไม่ระบุวันเปิดตัวชัดเจน แต่คาดว่าจะเผยโฉมในงาน Guangzhou Auto Show ช่วงไตรมาส 3 ปี 2025 และวางจำหน่าย ปลายปีนี้

ที่มา Carscoops
74
Motor Zone / Toyota ปฏิเสธข่าวลือซื้อกิจการ Neta Auto
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 19-05-25, 08:55:13 pm »


Toyota China และ Neta Auto ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ปฏิเสธข่าวลือที่ระบุว่า Toyota เตรียมเข้าซื้อกิจการของ Neta ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนที่กำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีรายงานจากศาลจีนว่า บริษัทแม่ของ Neta กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาคดีล้มละลาย



เมื่อถูกสอบถามโดยสื่อมวลชน Xu Yiming หัวหน้าฝ่ายสื่อสารแบรนด์ของ Toyota Motor (China) Investment Co., Ltd. ได้ตอบชัดเจนว่า “เราไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน และขอความร่วมมือในการชี้แจงข่าวลือนี้ให้กระจ่าง” ขณะที่สื่อจีนหลายแห่งที่ติดต่อไปยัง Neta Auto ก็ได้รับคำยืนยันเช่นกันว่า ข่าวการถูกซื้อกิจการนั้น “ไม่เป็นความจริง”

ปัญหาการเงินรุมเร้า แม้เคยประกาศความร่วมมือกับซัพพลายเออร์
ในเดือนมีนาคม 2025 ผู้ผลิตชิ้นส่วนจำนวนมากได้เดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของ Neta ที่นครเซี่ยงไฮ้ เพื่อหารือแนวทางการชำระหนี้ ส่งผลให้บริษัทจัดประชุมกับซัพพลายเออร์เพื่อเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 25 มีนาคม Neta ได้ประกาศว่าได้บรรลุข้อตกลง “หนี้แปลงเป็นทุน” กับซัพพลายเออร์หลัก 134 ราย มูลค่ารวมกว่า 2 พันล้านหยวน (ประมาณ 10,000 ล้านบาท) โดยมีผู้สนับสนุนหลัก เช่น CATL และ Gotion High-Tech
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความพยายามในการระดมทุนเพิ่มเติม โดยเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2025 Neta ได้จัดประชุมกับผู้ถือหุ้นเพื่อหารือรอบการระดมทุน Series E มูลค่าระหว่าง 4,000-4,500 ล้านหยวน (ประมาณ 20,000-22,500 ล้านบาท) ซึ่งคาดว่าผู้นำการลงทุนจะใส่เงินถึง 3,000 ล้านหยวน (ประมาณ 15,000 ล้านบาท) เข้ามา

ตามแผนที่วางไว้ เงินลงทุนจากนักลงทุนหลักจะเข้ามาภายในเดือนเมษายน เพื่อนำไปฟื้นฟูการผลิตและพัฒนาธุรกิจในอนาคต ทว่าจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม เงินก้อนดังกล่าวยังไม่เข้าสู่ระบบ ตามการเปิดเผยจากแหล่งข่าวภายในของ Neta



บริษัทแม่ของ Neta ถูกยื่นเรื่องล้มละลายโดยเจ้าหนี้
ความเคลื่อนไหวล่าสุดเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2025 ระบุว่า Hozon New Energy Automobile Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Neta ได้ถูกยื่นคำร้องล้มละลายต่อศาล โดยมี Shanghai Yuxing Advertising Co., Ltd. เป็นผู้ยื่นเรื่องต่อ ศาลประชาชนชั้นกลางเมืองเจียซิ่ง มณฑลเจ้อเจียง ตามข้อมูลจาก “แพลตฟอร์มข้อมูลการล้มละลายของรัฐ”
ภายใต้กฎหมายล้มละลายของจีน เมื่อมีการยื่นคำร้องขอล้มละลาย ศาลจะต้องแจ้งลูกหนี้ภายใน 5 วัน และลูกหนี้จะมีเวลา 7 วันในการยื่นคำคัดค้าน หากกระบวนการเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการ ลูกหนี้หรือผู้จัดการที่ได้รับแต่งตั้งจะต้องจัดทำแผนฟื้นฟูเสนอให้ศาลและเจ้าหนี้ภายใน 6 เดือนนับจากคำสั่งของศาล

ข้อมูลจาก CarNewsChina
75
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • Booku •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 19-05-25, 08:53:37 pm »









Model : Booku Kasiwech
Photographer : นพพล ภัคศุภภาคย์
76
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • Kanom •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 19-05-25, 08:52:09 pm »








Model : Kanom Kamonrot
Photographer : Pantakarn Kumyart
77
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • Kanirene •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 19-05-25, 08:47:42 pm »








Model : Kanirene Irene
78
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • Chabell •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 19-05-25, 08:41:23 pm »

















Model : Natcha Chaiprapa
Photographer : Wachirawit Piyarattanapong
79


หลังจากแฟน ๆ เรียกร้องมานาน ในที่สุด BMW M ก็เตรียมเปิดตัวซูเปอร์คาร์ "ฮาโลคาร์" รุ่นใหม่ ที่มีแนวโน้มว่าจะสืบทอดจิตวิญญาณจาก BMW M1 อันโด่งดังในยุค 70s พร้อมการตีความใหม่ให้ทันสมัย



ซีรีส์รถลิมิเต็ดใหม่ จากแรงบันดาลใจ Skytop
การพัฒนานี้ตามมาหลังจากโครงการ BMW Skytop คอนเซ็ปต์คาร์ที่เปิดตัวที่งาน Villa d’Este ปีที่แล้วประสบความสำเร็จเกินคาด พร้อมข่าวว่าจะผลิตจริงเพียง 50 คัน ราคาประมาณ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

จากความสำเร็จนี้ Sylvia Neubauer รองประธาน BMW M ด้านลูกค้า แบรนด์ และการขาย ยืนยันว่า BMW เตรียมสร้างซีรีส์รถลิมิเต็ดรุ่นพิเศษที่ใช้ตรา M เพื่อเสริมภาพลักษณ์ความหรูหราและความปรารถนาในแบรนด์

ความเป็นไปได้: M1 Revival หรือซูเปอร์คาร์ไฟฟ้า
แม้ยังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่ารถรุ่นใหม่นี้จะเกี่ยวข้องกับโครงการต้นแบบอย่าง I16 หรือ Neue Klasse EV Coupe หรือไม่ แต่ข้อมูลก่อนหน้านี้ชี้ว่ามีการพัฒนารถซูเปอร์คาร์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าหรือไฮบริดขั้นสูง และอาจนำดีไซน์ที่ดุดันและเทคโนโลยีล้ำยุคมาใช้



Neubauer ยังเผยด้วยว่า:
“ฮาโลคาร์เหล่านี้ช่วยสร้างความปรารถนาให้กับแบรนด์ได้อย่างมาก แม้แต่กลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้ครอบครองรถก็ยังชื่นชมแบรนด์ของเรา”

เมื่อถูกถามว่ารถรุ่นใหม่นี้จะชนกับ Porsche 911 ได้หรือไม่ เธอตอบอย่างระมัดระวังว่า:
“ถ้าเราทำ เราจะต้องทำให้ออกมาสมบูรณ์แบบ 100%”

จุดที่น่าสนใจเพิ่มเติม
* ซูเปอร์คาร์ใหม่ของ BMW M อาจเป็นไฟฟ้าล้วนหรือไฮบริด
* คาดว่าจะเป็นรุ่นลิมิเต็ด ผลิตจำนวนจำกัด
* อาจมีการเปิดตัวตัวอย่างแรกที่งาน Villa d’Este ปีนี้

BMW M กำลังวางหมากครั้งสำคัญเพื่อคืนชีพไอคอนในตำนาน ผ่านซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่ที่รวมเอาความหรูหรา เทคโนโลยีล้ำสมัย และสมรรถนะระดับ M อย่างแท้จริง ใครที่รอคอย M1 ยุคใหม่ เตรียมตั้งตารอได้เลย

ที่มา Carscoops
80


Huawei ก้าวเข้าสู่โลกของอัลตร้าลักชัวรี่อย่างจริงจังด้วยการเปิดเผยภายในห้องโดยสารของ Maextro S800 ซีดานสุดหรูที่ถูกเปรียบเทียบว่าให้ประสบการณ์ระดับ Rolls-Royce และ Mercedes-Maybach ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า



หรูหราแบบ Maybach ผสานนวัตกรรมแบบ Huawei
ภายในห้องโดยสาร Maextro S800:
* พวงมาลัยสองโทนดีไซน์เรียบหรู
* หน้าจอลอยขนาดใหญ่ สไตล์คล้าย MBUX Hyperscreen ของ Mercedes
* ตะแกรงลำโพงเมทัลลิกดีไซน์หรู คล้าย Burmester
* ระบบควบคุมเบาะไฟฟ้าบนแผงประตูแบบเดียวกับ Maybach
* จอแสดงภาพจากกระจกมองข้างดิจิทัล
* แท่นชาร์จสมาร์ตโฟนไร้สายแบบคู่
* วัสดุตกแต่งลายไม้และแผงคอนโซลกลางที่สวยงาม
* ปุ่มควบคุมแบบลูกบิดเมทัลลิกสุดหรู
* เบาะนั่งหนังผสมวัสดุคล้ายหนังกลับ (Suede-like)



จุดเด่นคือห้องโดยสารด้านหลังสุดพิเศษ
* เบาะคู่หลังแยกอิสระ พร้อมระบบปรับไฟฟ้าและที่พักเท้า
* เบาะหน้าฝั่งผู้โดยสารสามารถพับเก็บเพื่อเพิ่มพื้นที่วางขา
* คอนโซลกลางระหว่างเบาะหลังหุ้มหนังและไม้ พร้อมถาดวางแชมเปญและลิ้นชักซ่อน
* หลังคา Starry Headliner แบบ Rolls-Royce
* หน้าจอติดตั้งบนบานประตู สไตล์เดียวกับ BMW 7-Series
* มีตู้เย็นขนาดเล็กและระบบเอนเตอร์เทนเมนต์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง





ข้อมูลเบื้องต้น Maextro S800
* ความยาวตัวถัง: 5,480 มม. (ยาวกว่า Maybach S-Class เล็กน้อย)
* ระยะฐานล้อ: 3,370 มม. (สั้นกว่า Maybach ประมาณ 25 มม.)
* แบตเตอรี่: 94.4 kWh (วิ่งได้ 416–436 ไมล์ CLTC)
* เวอร์ชัน Range-Extended: ใช้แบตเตอรี่ 63.3 kWh (วิ่งได้ 160–193 ไมล์ CLTC)
* ราคาเริ่มต้นในจีน: 1 ล้านหยวน

เมื่อเทียบกับ Mercedes-Maybach S480 ที่จีนเปิดราคาที่ 1.48 ล้านหยวน (~203,100 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ถือว่า Maextro S800 เป็นตัวเลือกที่ให้ความหรูหราได้คุ้มค่ากว่าอย่างชัดเจน

Huawei Maextro S800 คือการผสมผสานระหว่างความหรูหราแบบยุโรปและนวัตกรรมเทคโนโลยีสไตล์จีนในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า ทั้งดีไซน์หรูหรา อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน และพละกำลังจากขุมพลังไฟฟ้าล้วนหรือไฮบริด

ที่มา Carscoops
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10