ผู้เขียน หัวข้อ: MG GS 1.5 Turbo เครื่องใหม่เร้าใจ ปรับใหญ่ช่วงล่าง โดยรวมดีกว่าเดิม!!!  (อ่าน 1873 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Hugball

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7258
  • เพศ: ชาย
    • www.hugball.net


หลังจากเปิดตัวเอ็มจี จีเอส รถยนต์หน้าตากึ่งเอสยูวี กึ่งครอสโอเวอร์ ทำตลาดในปรเะเทศไทยมาได้สักพักใหญ่ ๆ เอ็มจี ประเทศไทย ได้ตัดสินใจเสริมไลน์ด้วยการเปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตรสำหรับตลาดประเทศไทยในปลายปี 2559 ที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ รถยนต์เอ็มจี จีเอส ที่จำหน่ายในประเทศไทยนั้น มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร แต่แบ่งออกเป็นรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ โดยพุ่งเป้าไปที่กลุ่มตลาดรถยนต์เอสยูวี ทำให้ราคาจำหน่ายกระโดดไปร่วม ๆ 1.3 ล้านบาทในรุ่นท๊อปของรุ่นเครื่องยนต์ตัวเดิม

แต่ก่อนที่จะมีรถยนต์กลุ่มครอสโอเวอร์ที่ราคาต่ำกว่า 1 ล้านมาจำหน่ายอย่างจริงจัง เอ็มจีก็พลิกโอกาสด้วยการพัฒนาให้จีเอสมีราคาจำหน่ายที่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ด้วยการติดตั้งเครื่องยยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้าเพียงเท่านั้น มีให้เลือกใน 2 ออพชั่นย่อย



นั่นก็คือในรุ่นต่ำกว่าที่เคาะราคาจำหน่าย 8.9 แสนบาทเป็นรุ่นเริ่มต้น แต่หากจ่ายเงินเพิ่มอีก 1 แสนบาทมาคบหารุ่นท็อป ก็จะได้ของเล่นเพิ่มขึ้น อาทิ ระบบอินคาเน็ตที่มาพร้อมจอควบคุม 8 นิ้ว ระบบคุมความเร็วอัตโนมัติ และอื่น ๆ อีกพอสมควรที่ทำให้รุ่นท๊อป 9.9 แสนบาทน่าคบหากว่า

ขณะที่ความแตกต่างจากรุ่น 2.0 ลิตรนั้นก็มีพอสมควร โดยเฉพาะการปรับตัวเพื่อแก้ไขจุดอ่อนที่มาจากรุ่น 2.0 ลิตรเดิม ด้วยการปรับจูนช่วงล่างใหม่ให้มีความนุ่มนวลมากขึ้น รวมถึงการปรับในส่วนของเครื่องยนต์ที่แทบจะต้องมอบแฮชท์แท็ก #ดีกว่าเครื่องยนต์สองลิตรเยอะ ให้หลังการสัมผัสกับตัวรถ



การออกแบบภายนอกนั้นมองเผิน ๆ แทบจะไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไปจากรุ่นเครื่องยนต์ใหญ่ ซึ่งก็ขอยืนยันคำเดิมว่าจีเอสนั้นเป็นรถแบบงามพิศ คือต้องมองไปสักพักใหญ่ ๆ ก่อนที่จะเป็นถึงรายละเอียดของรถ การออกแบบมัดกล้ามและความลงตัวของดีไซน์ที่แปลกตาไปจากรถที่วิ่งกันอยู่บนท้องถนน

ซึ่งก็ต้องบอกว่าทีมงานของเอ็มจีทำงานกันอย่างดุเดือดใช้ได้ เพราะในการทดสอบที่ผ่านมา จีเอสจะมาพร้อมสีสันที่หลากหลายโชว์ความสด แต่ในทริปนี้ รถทุกคันเป็นสีขาวซึ่งเป็นสีขายของรถ ซึ่งพอมาวิ่งต่อกันบนถนนก็ดูสวยงามอย่างประหลาดไปอีกแบบ

อีกเรื่องที่น่าสนใจสำหรับทริปนี้ก็คือการที่เอ็มจีพาแวะไปดูโชว์รูมแห่งใหม่ที่ชัยภูมิ ที่ใช้งบประมาณในการก่อสร้างถึง 35 ล้านบาท ใครจจะไปคิดว่าตัวแทนจำหน่ายใหม่ของเอ็มจีจะกลายเป็นสายโหดที่เดินหน้าจัดหนักลงทุนกันอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นดีลเลอร์น้องใหม่ที่ต้องหาเวลาไปคุยด้วยสักครั้ง



ในรุ่นท๊อปที่เป็นรุ่นที่นำมาทดสอบทั้งหมดนั้น ถือว่าใส่ของด้านนอกมาให้ครบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซันรูฟที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า รูฟแร็คที่เอาไว้ใช้ขนของเวลาเดินทางไกล กรอบไฟหน้าแบบฮาโลเจนพร้อมไฟส่องสว่างตอนกลางวัน ก็เรียกว่าได้มาไม่ต้องไปตกแต่งอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว

ห้องโดยสารภายในก็ยังให้บรรยากาศแบบสปอร์ตเหมือนเดิม ตำแหน่งการนั่งของเบาะในตำแหน่งต่าง ๆ ยังไม่ได้มีปัญหาอะไร ยังสามารถรองรับการเดินทางไกลได้ดีอยู่ โดยเฉพาะเบาะหลังที่ปรับเอนไปได้อีก 14 องศา ช่วยได้เยอะเมื่อต้องนั่งอยู่ที่เบาะหลังนาน ๆ



หลังจากมีเวลาอยู่ด้วยกันเต็ม ๆ 1 วัน และมีโอกาสได้เดินเข้าออกที่นั่งด้านหลังหลายต่อหลายครั้ง ก็พบข้อดีอีกอย่างของรถนั่นคือ การก้าวเข้าออกเบาะหลังนั้นเป็นไปได้อย่างง่ายดายในแบบก้าวขึ้นสบาย ๆ น่าจะเหมาะสมกับผู้หลักผู้ใหญ่ที่เดินขึ้นรถแบบกระย่องกระแย่งพอสมควร

อย่างที่บอกว่าเอ็มจีได้มีการปรับจูนช่วงล่างไปมากพอสมควร เพราะได้รับคำแนะนำในเรื่องความแข็งกระด้างของตัวรุ่น 2.0 ลิตรไปอย่างมาก ถ้าถามว่าปรับมาแล้วมันดีเลิศหรือยัง ก็ต้องบอกกันตรง ๆ ว่ามันก็ดีขึ้นแล้วล่ะ เพียงแต่มันยังไม่ได้ดีงามไปมากกว่าคู่แข่งเสียเท่าไรนักเท่านั้นเอง



ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเอ็มจีไม่ยอมเอาระบบขับเคลื่อนสี่ล้อมาจับกับเครื่องยนต์ตัวใหม่นี้ ซึ่งเดาเอาเองว่าน่าจะเป็นเหตุผลของการทำราคาจำหน่ายให้ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ขณะที่อาจจะต้องการให้จีเอส 1.5 นี้ลงไปซัดกับตลาดครอสโอเวอร์ของแบรนด์อื่น ๆ แบบเต็มตัวก็เป็นไปได้

ผลก็คือเราได้รถยนต์ที่มีช่วงล่างที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แรงสะเทือนและการโยนตัวน้อยลง แต่ก็ยังมีอาการให้รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนและความหวิวอยู่บ้าง โดยเฉพาะเมื่อวิ่งผ่านถนนที่เป็นหินทราย หรือแม้แต่การเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงก็อาจจะต้องใช้สมาธิในการจับตัวรถอีกสักนิด



มาที่การเปลี่ยนแปลงหลักของรุ่นนี้กัน กับการหันมาคบหาเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 1,700-4,400 รอบต่อนาที รองรับการเติมเชื้อเพลิงได้ถึงระบบอี85 กันเลยทีเดียว

การตอบสนองของเครื่องยนต์เป็นไปอย่างปรู๊ดปร๊าดทันใจ ทั้งการใช้งานในเมืองและการใช้งานนอกเมือง เรียกว่าหากต้องการเรียกกำลังทำความเร็วนั้น สามารถทำได้อย่างรวดเร็วทันใจ และการทำความเร็วบนถนนที่ระดับสูงสุดเท่าที่กฎหมายกำหนดก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเย็นหรือต้องรอนานจนเกินไปนัก



ส่วนหนึ่งเป็นผลดีมาจากการเปลี่ยนไปคบหาเกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ 7 สปีดรุ่นใหม่ที่ต้องบอกว่าจี๊ดจ๊าด และสามารถเปลี่ยนกำลังได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อประสานกับเครื่องยนต์ ทำให้การควบคุมความเร็วสูงสุดไม่ไห้เกินข้อกำหนดในการผ่านด่าน กลายเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังมากขึ้นทันที

อย่างไรก็ตาม จีเอส ใหม่นั้นก็ยังมีจุดที่ต้องพิจารณาอยู่บ้างบางประการ เรื่องแรกก็คือเสียงของเครื่องยนต์ที่ต้องบอกว่ารค่อนข้างดังในช่วงของของการใช้พละกำลังของเครื่องยนต์อย่างเต็มที่ สอง ช่วงล่างที่แม้จะปรับมาแล้วระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีแรงสั่นสะเทือนที่เอาเรื่องอยู่



ความแข็งและระดับการสะเทือนนั้นอาจจะรู้สึกได้ยากเมื่อเป็นผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า แต่จะรับรู้ได้มากขึ้นเมื่อยามที่นั่งอยู่ที่เบาะโดดยสารตอนหลัง เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ทีมงานเอ็มจีต้องลองขยับปรับจูนกันอีกนิด ถ้ามองว่ายังพอมีอะไรที่ทำเพิ่มเติมได้อีก

แต่บอกเลยว่า หากเทียบกับรุ่น 2.0 ลิตรเดิมนั้น ถือว่ามีการพัฒนามาอย่างถูกทางและน่าสนใจมากขึ้นแล้ว การทำราคาถือว่าดีไม่น้อย แต่ห้ามถามว่ารถคันนี้ประหยัดน้ำมันหรือไม่ตอนนี้ เพราะเอ็มจีจะจัดวิ่งประหยัดน้ำมันกันวันนี้ แต่กระผมคงไม่ได้ไปร่วมแจมด้วย

เอาเป็นว่า ไว้ปล่อยรถทดสอบออกมาให้ยืมอีกที ค่อยมาดูกันละเอียด ๆ ก็แล้วกัน…





Mild123123

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 274

 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Sitemap 1 2 3 4 5 6