ผู้เขียน หัวข้อ: The New Audi e-tron Sportback เอสยูวีสปอร์ตพลังไฟฟ้า 100% พรี่เมียมสุด แรงสุด  (อ่าน 252 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Hugball

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7047
  • เพศ: ชาย
    • www.hugball.net


หลังจากแนะนำ Audi e-tron เอสยูวีพลังไฟฟ้าล้วนรุ่นแรกไปช่วงปีกลาย จนได้รับการตอบรับอย่างดีไปตั้งแต่ปีกลาย ล่าสุด อาวดี้ ประเทศไทย ส่งโมเดลไฟฟ้ารุ่นที่ 2 ตามมาเสริมภาพลักษณ์สปอร์ตแรงแต่ยังรักษ์โลกด้วย The New Audi e-tron Sportback



The New Audi e-tron Sportback ที่จำหน่ายในชื่อรุ่นย่อย Audi e-tron Sportback 55 quattro S line หน้าตาคล้ายกับ e-tron รุ่นปกติแต่เป็นเอสยูวีหลังคาลาดแนวสปอร์ตออกแบบให้มีความล้ำสมัย สปอร์ต สมบูรณ์แบบ ภายใต้แนวคิดมุมมองใหม่สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% โดยกระจังหน้าแบบคลาสสิกถูกอัพเกรดใหม่เป็น Single frame เส้นสาย รูปทรง สะท้อนเอกลักษณ์ของ Audi คือ ลุคสปอร์ต ขณะที่รูปทรงคูเป้ให้ความสง่า งามในแบบสปอร์ต เส้นสายมีความไดนามิก เพิ่มความแข็งแกร่งดุดัน โดดเด่นด้วยชุดแต่งภายนอกสไตล์สปอร์ต S line สปอยเลอร์หลังและขอบประตูอะลูมิเนียม และล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 21 นิ้ว พร้อมยาง 265/45 R21 ตัวรถมีขนาดใกล้เคียงกับรุ่น e-tron ปกติแต่ปรับให้เข้ากับบุคลิกสปอร์ตด้วยมิติตัวรถใหญ่ตั้งแต่ความยาว 4,901 มม. ความกว้าง 2,189 มม. ความสูง 1,616 มม. ฐานล้อ 2,928 มม.







ภายในมีการตกแต่งภายในและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ผสมผสานดีไซน์ฟังก์ชัน เทคโนโลยีและลุคสปอร์ตพรีเมียมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ให้ความรู้สึกเรียบหรู กว้าง สะดวกสบาย จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit plus ขนาด 12.3 นิ้ว และจอควบคุมมัลติฟังก์ชันแบบสัมผัส พร้อมตอบสนองการสั่งงาน (haptic feedback) ขนาด 8.6 นิ้ว เพียงปลายนิ้วสัมผัส รองรับการสั่งการด้วยการเขียนด้วยนิ้ว เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถืออย่างง่ายดายด้วย Audi smartphone interface ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ หลังคาเป็นแบบพาโนรามิคเลื่อน เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าให้บรรยากาศที่รื่นรมย์ด้วยแสงสว่างจากธรรมชาติ แพ็คเกจ “Interior S line” เบาะนั่งหุ้มหนัง Valcona คุณภาพสูง ให้ผิวสัมผัสที่ละเอียด เบาะนั่งคู่หน้าแบบ S Sports ตกแต่งแบบ diamond cut พร้อมสัญลักษณ์ S line พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันท้ายตัดหุ้มหนังแบบสปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ S line และ Paddle shiftและพื้นที่สัมภาระด้านท้าย 615-1,665 ลิตร และด้านหน้า 60 ลิตร





The New Audi e-tron Sportback 55 quattro S line สมรรถนะสูง ทรงพลัง ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ ผสมผสานกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบไฟฟ้า (electric quattro) โดยมีความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ขนาด 95 กิโลวัตต์ชั่วโมงพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตำแหน่งให้กำลังมากถึง 360 แรงม้า แรงบิด 561 นิวตันเมตร โดยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตำแหน่งมีด้านหน้า 170 แรงม้าและด้านหลัง 194 แรงม้าแต่ถ้าโหมด Boost สูงถึง 408 แรงม้า แรงบิด 664 นิวตันเมตร โดยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตำแหน่งมีด้านหน้า 184 แรงม้าและด้านหลัง 224 แรงม้าระยะทางวิ่งสูงสุด 463 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟ หนึ่งครั้ง ทำให้ ตอบสนองฉับไว สนุกสนานด้วยอัตราแร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.6 วินาที และ 5.7 วินาที ในโหมด Boost ขณะที่ความเงียบภายในห้องโดยสารให้ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม รื่นรมย์ เพลิดเพลิน ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และมีการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ (Recuperation) อย่างชาญฉลาด 2 รูปแบบ คือ ทั้งจากพลังงานจากการปล่อยให้รถวิ่งในลักษณะลอยตัว (Coasting) และพลังงานจากการเบรก (Braking)

รูปแบบที่ 1 พลังงานจากการปล่อยให้รถวิ่งในลักษณะลอยตัว ซึ่งมีวิธีการตั้งค่าการทำงานรูปแบบนี้ 2 วิธี คือ ตั้งค่าจากแป้น paddle shift ที่สามารถเลือกปรับได้ 3 ระดับ และผู้ขับขี่สามารถเลือกที่จะตั้งระดับการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่โดยอัตโนมัติผ่านฟังก์ชัน Predictive efficiency assist (PEA) ในระบบ MMI ได้อีกด้วย จากการประมวลผลและควบคุมการเคลื่อนที่เชิงฟิสิกส์ ส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมความเร็วของรถได้จากการถอนเท้าออกจากคันเร่ง โดยที่ไม่ต้องเหยียบเบรกได้

รูปแบบที่ 2 พลังงานจากการเบรก (Braking) เมื่อผู้ขับขี่เหยียบเบรกจะส่งผลให้เกิดพลังงานกลับเข้ามาในระบบการขับขี่ หากเหยียบเบรกที่ความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะสามารถนำพลังงานกลับเข้าไปได้สูงสุดถึง 300 Nm และ 220 Kw หรือคิดเป็นมากกว่า 70% ของกำลังที่มอเตอร์ผลิตได้ และการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ในรุ่น e-tron Sportback นี้ สามารถเพิ่มระยะทางการขับขี่ได้มากถึง 30% ของระยะทางทั้งหมด





The New Audi e-tron Sportback 55 quattro S line มีราคาจำหน่ายที่ 5,299,000 บาท กำหนดส่งมอบตั้งแต่เดือนธันวาคม 2020 เป็นต้นไป โดย มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ Glacier white metallic, Floret silver metallic, Mythos black metallic, Daytona grey pearl effect, Siam beige metallic และ Antigua blue metallic ส่วนระบบ Virtual exterior mirros กระจกมองข้างขนาดเล็กแสดงผลด้านข้างผ่านตัวจอที่ติดตั้งอยู่ใกล้ๆ ด้านในผ่านจอ OLED ขนาด 7 นิ้ว สามารถสั่งเพิ่มได้ในมูลค่า 200,000 บาท



 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Sitemap 1 2 3 4 5 6