หลังจากตามจีบกันอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็ลงเอยด้วยดีสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เพิ่งจะเปิดตัววิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ UFABET ปราการหลังเจ้าของฉายา “ดิ ไอซ์แมน” ไปเมื่อวันก่อนหน้านี้

เม็ดเงิน 30.7 ล้านปอนด์โดยประมาณถูกโอนไปยัง เบนฟิก้า ทีมดังแห่งลีกโปรตุเกส เพื่อแลกตัวกับดาวเตะแทงบอลผ่านเว็บทีมชาติสวีเดน ซึ่งโจเซ่ มูริญโญ่ดูจะถูกอกถูกใจเป็นพิเศษ มีข่าวลือออกมาตั้งแต่ช่วงสิ้นปีที่แล้วถึงความเป็นไปได้ในการที่จะเจรจาดึงตัวมาร่วมทีม ก่อนที่จะสำเร็จลุล่วงในตลาดหน้าร้อนนี้

เป็นที่รู้กันว่า กุนซือชาวโปรตุกีส เน้นแค่ไหนกับเรื่องพื้นที่ในแนวรับของทีมไม่ว่าเขาจะอยู่คุมสโมสรใดก็ตาม เกมรับ คือสิ่งที่สำคัญและเป็นแกนหลักในการที่จะพาทีมจบเกมด้วยผลการแข่งขันที่ต้องการ ฉะนั้นแล้วจึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ว่าทำไม ลินเดอเลิฟ คือรายแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาเป็นนักเตะใหม่ของ “ปีศาจแดง” ในปีนี้

ทีนี้เราลองมาส่องกันดูซิว่า ผู้เล่นในตำแหน่งแนวรับของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ณ ตอนนี้มีใครกันบ้าง

ไล่ตั้งแต่เอริค ไบญี่, มาร์กอส โรโฮ, ฟีล โจนส์, คริส สมอลลิ่ง, มัตเตโอ ดาร์เมี่ยน, ลุค ชอว์, อันโตนิโอ วาเลนเซียและดาลีย์ บลินด์ รวมไปถึงบรรดาดาวรุ่งของทีมอีก 2-3 คน

ทำให้ตอนนี้กองหลังของแมนฯยูไนเต็ดที่ “พร้อมใช้งานได้” มีอยู่ถึง 10 คนด้วยกัน โดยเฉพาะในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คที่มีทั้งไบญี่, โรโฮ, โจนส์และสมอลลิ่ง ซึ่งบลินด์เองก็สามารถขยับเข้ามายืนได้เหมือนกัน ตามแท็คติกที่เปลี่ยนไป

แน่นน่าดูชมเลยล่ะครับ …

โดยปกติแล้ว แผนของ มูริญโญ่ มักที่จะใช้ปราการหลัง 4 ตัวเป็นหลัก ซึ่งแน่นอนว่าแผนนี้ต้องการคู่เซ็นเตอร์แบ็คแค่สองคนเท่านั้น

ว่ากันตามตรง ด้วยเงิน 30 ล้านเศษที่ทุ่มลงไป ผมมั่นใจว่ายังไง มูริญโญ่ ก็ต้องให้ ลินเดอเลิฟ ยืนเป็นตัวหลักแน่นอนแล้วคนหนึ่ง ( เว้นแต่เจ้าตัวจะยังปรับตัวไม่ได้และเล่นแย่จริงๆ ) คู่หูของเขาจึงยังเป็นเครื่องหมายคำถามอยู่

ส่วนตัวแล้วผมมองว่ามีแค่ 2 คนเท่านั้นที่เป็นแคนดิเดตหลัก ซึ่งก็คือ ไบญี่ กับ โรโฮ เพราะต้องบอกว่าสองคนนี้ภาษีฟอร์มการเล่นดีที่สุดแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ โรโฮ ที่พัฒนาตัวเองขึ้นมาได้เยอะมากในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางเมื่อฤดูกาลก่อน ติดนิดเดียวคือไม่รู้ว่าหลังจากหายเจ็บกลับมา เจ้าตัวจะยังเล่นได้ตามฟอร์มเดิมไหมเท่านั้นเอง

ส่วน ไบญี่ เอง ฟอร์มโดยรวมทั้งฤดูกาลของเขาถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยมกับทีมใหม่และลีกที่ไม่คุ้นเคย ถ้า โรโฮ ไม่สวมวิญญาณ ‘คันนาวาโรโฮ’ แล้วล่ะก็ ผมก็ว่า ไบญี่ นี่แหละที่น่าจะเป็นตัวยืนคู่กับ ลินเดอเลิฟ

ในขณะที่แบ็คขวา วาเลนเซีย น่าจะจองอยู่แล้ว โดยอาจจะมีสลับโยกคนอื่นไปเล่นเพื่อให้แข้งวัย 31 ปีได้พักบ้าง ฝั่งแบ็คซ้ายนี่ก็เป็นอีกตำแหน่งที่ดูจะยังไม่แน่นอนลงตัวสักเท่าไหร่

ฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้ง ชอว์, ดาร์เมี่ยนและบลินด์ต่างก็ได้รับโอกาสลงดูแลพื้นที่ฝั่งซ้ายด้านหลังของทีม ก่อนจะสลับกันฟอร์มดี ฟอร์มเด่นและฟอร์มแย่ แต่ถ้าจะให้ขุดลึกลงไปมากกว่านั้นแล้ว ชอว์ ดูจะมีโอกาสน้อยที่สุดในบรรดากลุ่มนักเตะที่ว่ามา เนื่องจากสภาพร่างกายที่ไม่ฟิตเต็มร้อยสักที แถมน้ำหนักก็ดูจะเกินเกณฑ์เสียด้วย

ยิ่งบวกกับการที่เคยมี “ซัมติง” กับ มูริญโญ่ ในการปะทะคารมณ์กันมาก่อนในอดีต ทำให้ดูเหมือนกุนซือชาวโปรตุกีสจะไม่ค่อยไว้วางใจแบ็คซ้ายตูดหนักเป็นทุนเดิม แม้ว่าจะซื้อมาแพง แต่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสถูกขายออกไป ถึงอย่างนั้นผมก็อยากที่จะให้ มูริญโญ่ ให้โอกาสอดีตแบ็คเซาแธมป์ตันดูอีกสักหน่อย เพราะยังไงเด็กมันก็มีของและก็เคยปล่อยให้ได้เห็นแล้วด้วยเมื่อปีที่แล้ว ก่อนที่จะเจ็บยาว

ตำแหน่งแบ็คซ้ายถึงจะไม่ลงตัวก็จริง แต่ปรับแก้ได้และจำนวนตัวเลือกก็ไม่ได้ถือว่าล้น(เว้นแต่จะซื้อเข้ามาเพิ่ม) เพราะอย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า บลินด์ สามารถที่จะขยับไปยืนเซ็นเตอร์ได้ตามแท็คติกที่เปลี่ยนไป เพราะเจ้าตัวเคยเล่นกลางรับมาก่อน ทำให้มีทักษะด้านการจ่ายบอลและอ่านเกมที่เป็นประโยชน์ในเกมที่ต้องเน้นจุดดังกล่าว

ฉะนั้นแล้วตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คจึงดูจะแออัดที่สุดและน่าจะมีใคร อย่างน้อย สักคนที่จะถูกปล่อยตัวออกไปจากทีม

ว่าแต่ แล้วใครล่ะ ?

ก็คนที่ผมไม่ได้เอ่ยถึง ตอนที่วิเคราะห์ถึงตำแหน่งความเป็นไปได้ในการยืนเซ็นเตอร์แบ็คไงล่ะครับ !

ขอพูดถึง โจนส์ ก่อน บอกตามตรงว่าผมเสียดายความสามารถของเขามาก เพราะอดีตแข้งแบล็คเบิร์นทุกอย่างที่กองหลังอังกฤษควรจะมี ทั้งความแข็งแกร่ง ความเร็ว ความเด็ดขาด และความทุ่มเทสู้ไม่ถอย มันควรจะถูกต่อยอดจนกลายเป็นสกิลชั้นสูงติดตัว หากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าตัวเล่นบอลใช้หัวน้อยไปหน่อย แถมไม่ดูแลสภาพร่างกายตัวเอง จนเจ็บซ้ำเจ็บซาก เล่นสามวันดี สี่วันเจ็บ วนเวียนอยู่แบบนี้มาตลอดช่วง 3-4 ปีหลัง จนพาลให้คิดว่าฝีเท้าอาจจะหยุดพัฒนาไปแล้ว

จริงๆแล้วฟอร์มของ โจนส์ ในฤดูกาลที่ผ่านมาเมื่อได้รับโอกาสลงสนามก็ไม่ได้ถือว่าแย่ ค่อนไปทางดีด้วยซ้ำเมื่อยามจับคู่กับ โรโฮ เพียงแต่อย่างที่บอกไปว่าปัญหาของเขาคืออาการบาดเจ็บ ที่วันดีคืนดีพร้อมจะกลับมาทุกเมื่อ ฉะนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับ มูริญโญ่ ว่าจะเอายังไง

ส่วนเต็งห่ามก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น “พี่ไมค์” สมอลลิ่ง ซึ่งหลังจากหลุยส์ ฟาน ฮาลสิ้นบุญในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดไปแล้ว เราก็ไม่เคยเห็นฟอร์มการเล่นอันเอกอุบนพื้นหญ้าของเจ้าตัวอีกเลย

แม้ว่าครั้งหนึ่ง สมอลลิ่ง จะเคยได้รับการชื่นชมจากเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันอดีตบรมกุนซือของทีมพนันบอล “ปีศาจแดง” ว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นกองหลังชั้นแนวหน้าในยุโรปได้ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะพัฒนาไปไม่สุด แถมยังชอบออกลูกโฉงฉ่างและตัดสินใจผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง จนแฟนบอล “ปีศาจแดง” มอบตำแหน่งโค้ชผู้รักษาประตูผู้ปั้นดาบิด เด เกอาให้ก้าวขึ้นมาเป็นนายด่านระดับโลกไปซะแล้ว ฮา

ซ้ำยังเคยโดน มูริญโญ่ วิจารณ์เรื่องสภาพจิตใจที่ไม่พร้อมจะสู้เพื่อทีมอย่างเต็มที่อีกต่างหาก เชื่อว่าอย่างไรเสีย เราคงไม่ได้เห็น สมอลลิ่ง สวมเสื้อสีแดงของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดลงสนามในฤดูกาลหน้าค่อนข้างแน่นอนแล้ว

มันจึงเป็นการเข้าสู่ยุคใหม่ของเซ็นเตอร์แบ็คภายใต้การคุมทีมของ มูริญโญ่ อย่างเต็มตัวเสียที ซึ่งแฟนบอลอย่างเราๆก็ได้แต่หวังว่า “น้ามู” จะทำได้เหมือนอย่างเคย ในการดึงศักยภาพการเล่นของนักเตะออกมาได้อย่างสูงสุด ด้วยเกมรับอันเหนียวแน่น

เพื่อเป็นรากฐานที่จะพาทีมกลับไปสู่ความยิ่งใหญ่ให้ได้อีกครั้งไงล่ะครับสมัครแทงบอลออนไลน์