ผู้เขียน หัวข้อ: พ่วงแบตเตอรี่บนรถที่แบตหมดอย่างไร ให้ปลอดภัยและได้ผลที่สุด  (อ่าน 1892 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Hugball

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7253
  • เพศ: ชาย
    • www.hugball.net


คนที่ขับรถเป็นเวลานาน ส่วนใหญ่ต้องเคยเจอกับเหตุการณ์รถสตาร์ทไม่ติด จากสาเหตุต่าง ๆ มากมาย เช่น ลืมปิดไฟหน้า, แบตเตอรี่เสื่อม เป็นต้น จึงต้องมีการ "พ่วงแบต" จากรถคันอื่น เพื่อให้เราเดินทางต่อได้ แต่ก็มีคำถามว่า ต้องพ่วงแบตอย่างไรถึงจะถูกต้อง วันนี้เรามาดูกันครับ



ควรใช้สายพ่วงแบบไหน

อุปกรณ์ที่รถทุกคันควรต้องมีติดรถเอาไว้ ก็คือสายพ่วงแบตเตอรี่นี่เอง เพราะปัญหาแบตเตอรี่หมด มักจะเจอกันได้บ่อยไม่แพ้ยางรั่วเลย แต่การเลือกซื้อนั้น ก็ควรต้องพิจารณากันให้ดีหน่อย เพราะหลายครั้งที่ใช้สายพ่วงแบตไม่ดีพอ ก็ทำให้ชาร์จไฟไม่ได้ บางครั้งสายไฟไหม้เพราะมีความร้อนสะสมสูงเลยก็มี วิธีการเลือกนั้น เบื้องต้นเลยให้ดูที่ขนาดของสายเป็นหลัก ควรเลือกให้มีความใหญ่มากหน่อย ควรให้ใหญ่กว่านิ้วก้อยคุณผู้ชาย หรือประมาณนิ้วโป้งคุณผู้หญิงก็จะดี อย่าเลือกแบบเส้นใหญ่กว่าสายไฟบ้านนิดเดียว เพราะการจั๊มแบตจะมีการวิ่งของกระแสไฟที่มากพอสมควร ถ้าสายเล็กเกินไปจะทำให้ไฟวิ่งผ่านได้ไม่มากพอ จะทำให้รถสตาร์ทไม่ติด โดยเฉพาะรถกระบะที่ต้องการกำลังไฟในการสตาร์ทมาก ส่วนหัวที่หนีบก็ดูให้แข็งแรงหน่อย ประเภทที่เหล็กบาง ๆ จนเราแทบจะงอได้ด้วยมือของเราเอง แบบนี้อย่าได้ซื้อมาใช้เด็ดขาด นอกจากจะใช้งานไม่ได้ดีแล้ว ยังอาจจะส่งผลเสียจากการใช้งานได้อีกด้วย จ่ายเงินแพงหน่อย แต่ใช้ได้คุ้มค่า และยาวนานกว่าแน่นอนครับ และถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้เลือกสายพ่วงแบตที่แยกออกจากกันเด็ดขาด จะสะดวกต่อการใช้งานมากกว่าแบบที่เป็นสายคู่ติดกัน

พ่วงแบบอย่างไรให้สตาร์ทติดอย่างปลอดภัย

ถ้าหากเราพบปัญหารถสตาร์ทไม่ติด จากปัญหาแบตเตอรี่หมด อย่างแรกเลยคือต้องหารถที่สามารถสตาร์ทรถได้ตามปกติมาช่วยเป็นผู้จ่ายไฟให้กับรถของเรา จอดรถให้ส่วนของแบตเตอรี่อยู่ใกล้กันมากพอที่สายพ่วงแบตจะต่อกันถึง (อย่าให้รถใกล้กันมากเกิน เปิดฝากระโปรงรถทั้ง 2 คัน ดับเครื่องทั้ง 2 คัน และปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในรถ จากนั้นให้ทำตามขั้นตอนดังนี้

1. นำสายพ่วงแบต (สีอะไรก็ได้ แต่ต้องจำให้ได้ว่าสายเส้นนั้นใช้กับขั้วไหน) มาหนีบกับรถแบตเตอรี่หมดที่ขั้วบวก

2. นำตัวหนีบอีกด้าน ไปหนีบกับขั้วบวกของรถที่มีแบตเตอรี่

3. นำสายพ่วงแบตอีกเส้น ไปหนีบที่ขั้วลบของรถที่มีแบตเตอรี่

4. นำตัวหนีบอีกด้าน ไปหนีบที่ "เหล็กโครงรถ" เช่น น็อตยึดหัวโช้ค, โครงเหล็กด้านหน้า เป็นต้น (โครงรถ ไม่ใช่ตัวถังรถ) ไม่แนะนำให้หนีบไปกับขั้วลบของรถที่แบตเตอรี่หมด เพราะอาจมีกระแสไฟวิ่งเข้าไปมากเกินไป หรือการช็อตที่หัวของขั้ว จนฟิวส์ในตัวรถบางตัวขาดได้

5. สตาร์ทรถคันที่มีแบตเตอรี่ รอสักครู่

6. สตาร์ทรถคันที่แบตเตอรี่หมดจนติด ถ้าสตาร์ทแล้ว มอเตอร์สตาร์ทไม่หมุน หรือหมุนช้า ให้ตรวจสอบการหนีบที่ขั่วบวกใหม่อีกครั้ง ว่าหนีบแน่นมากพอหรือไม่ ถ้าแน่นมากพอแล้วยังไม่หมุน ให้ลองพ่วงทิ้งไว้สัก 5 นาทีแล้วลองสตาร์ทใหม่ ถ้ายังเป็นเหมือนเดิม ให้ดับรถ แล้วถอดสายออก เนื่องจากตัวแบตเตอรี่ของรถที่แบตเตอรี่หมดน่าจะไม่มีไฟเหลือเลย ต้องใช้วิธีการเปลี่ยนแบตเตอรี่แทน

7. ถ้าสตาร์ทแล้ว มอเตอร์สตาร์ทหมุนปกติ แต่รถสตาร์ทไม่ติด ให้หยุดสตาร์ท เพราะปัญหาน่าจะมาจากจุดอื่น ไม่ใช่จากแบตเตอรี่

8. ถ้าสตาร์ทติดแล้ว ให้ถอดสายพ่วงแบตออก แล้วให้นำรถไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการ, อู่รถ หรือที่ร้านแบตเตอรี่ทันที

ถอดสายอย่างไรให้ถูกต้อง

1. ถอดสายอออกจากโครงเหล็กของรถที่แบตเตอรี่หมด

2. ถอดสายออกจากขั้วลบจากรถที่มีแบตเตอรี่

3. ถอดสายออกจากขั้วบวกจากรถที่มีแบตเตอรี่

4. ถอดสายออกจากขั้วบวกของรถที่แบตเตอรี่หมด

ข้อควรระวัง

สิ่งที่ต้องระมัดระวังมากที่สุดในการพ่วงแบตเตอรี่ก็คือ อย่าให้สายด้านตัวหนีบ สัมผัสกันโดยเด็ดขาด เพราะจะเกิดการลัดวงจรได้ และเกิดความเสียหายกับฟิวส์หรือชิ้นส่วนอื่นในรถยนต์

การพ่วงแบตเตอรี่ เป็นวิธีการทำที่ไม่ยาก เพียงแค่ต้องใช้สติในการเรียบเรียงลำดับเล็กน้อย ก็จะทำให้การพ่วงแบตทำได้สำเร็จอย่างแน่นอนครับ




 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Sitemap 1 2 3 4 5 6