ไม่บ่อยนักที่เราจะได้มีโอกาสได้ลองซูเปอร์คาร์ตัวแรงกันบนสนามทดสอบ เมื่อ นิช คาร์ ส่งเทียบเชิญให้เราไปทดสอบน้องใหม่อย่างลัมบอร์กินี่ ฮูราคาน (Lamborghini Huracan) กันถึงสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต แม้จะต้องไปเช้าเย็นกลับ ขับแค่ไม่กี่รอบ ก็คงต้องไปกัน

งานนี้นอกจากปิดสนามทดสอบให้วิ่งกันอย่างเต็มที่แล้ว รถลัมบอร์กินี่ที่นำมาให้ทดสอบก็มีทั้งรุ่นเล็กอย่างแอลพี580-2 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 580 แรงม้าและระบบขับเคลื่อนล้อหลัง และพี่ใหญ่อย่างแอลพี610-4 คูเป้ ที่พกม้ามา 610 ตัวพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ขณะที่รุ่นเปิดประทุนเอามาแสดงให้เห็นแต่ไม่ให้ขับ

ตามกติกาก็คือขับกันคันละ 3 รอบสนาม รอบละโหมดอันประกอบไปด้วยโหมดธรรมดา โหมดสปอร์ตและโหมดรถแข่ง โดยจะได้ขับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อและขับเคลื่อน 2 ล้อกันคนละครั้ง ก่อนที่ทีมงานจะเห็นสายตาออดอ้อนของพวกเราทนไม่ไหวยอมปล่อยออกไปอีกคนละรอบตอนจบ



การขับขี่นั้นได้รับการดูแลโดยทีมงานของลัมบอร์กินี่ ซึ่งปกติจะทำหน้าที่เทรนนิ่งการขับขี่ตั้งแต่ขั้นมาตรฐานไปจนถึงขั้นสอนนักแข่งเพื่อการขับแข่งขัน และเสริมด้วยทีมงานไทยมืออาชีพหลายคน เพื่อดูแลให้การขับขี่ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

ฮูราคานนั้นถูกออกแบบมาให้เป็นรถซูเปอร์คาร์ที่สามารถใช้งานได้ทุกวัน แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะยังดูทรงพลังและรักษาเอกลักษณ์ของลัมบอร์กินี่ไว้ทุกประการ ตัวรถที่ต่ำกว่ารถปกติ ความกว้างของรถที่มาพร้อมเส้นสายที่เฉียบคม ดุดันและน่าประทับใจทั้งตอนที่จอดอยู่เฉย ๆ และขับเร่งเต็มพิกัด

ขณะที่ห้องโดยสารภายในได้รับการออกแบบให้มีความสะดวกมากขึ้น การปรับรายละเอียดของเบาะที่นั่งและตำแหน่งพวงมาลัยทำได้อย่างละเอียดเนี๊ยบ การเข้าห้องโดยสารอาจจะต้องก้มและมุดอยู่บ้าง แต่เมื่อเอาตัวไหลเข้าไปด้านในห้องโดยสารได้แล้วก็ไม่มีปัญหาทั้งการนั่งและทัศนวิสัยในการขับขี่



มาว่ากันที่รถทั้ง 2 คันที่ขับกันบ้าง รุ่นท๊อปอย่างฮูราคาน แอลพี610-4 คูเป้ มาพร้อมเครื่องยนต์วี10 ขนาด 5.2 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 610 แรงม้าที่ 8,250 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 560 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อและติดตั้งเบรกคาร์บอนเซรามิกมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ขณะที่รุ่นเล็กอย่างฮูราคาน แอลพี580-2 นั้น มีจุดที่แตกต่างกันก็คือเครื่องยนต์ถูกลดทอนพละกำลังลงเหลือ 580 แรงม้าที่ 8,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิด 540 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง และระบบเบรคเป็นคาลิปเปอร์แบบไร้รอยต่ออลูมิเนียม

การขับขี่นั้นผู้ขับสามารถเลือกใช้งานโหมดต่าง ๆ ได้ตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นโหมด Strada ซึ่งใช้สำหรับการขับขี่บนท้องถนน โหมด Sport เพื่อความมันสะใจยิ่งขึ้นจากการตอบสนองที่ดุดันฉับไว และเมื่อยามลงสนาม ก็มีโหมด Corsa ที่เป็นโหมดสำหรับแข่งไว้ให้ใช้ได้อีกด้วย



โชคดีที่การทดสอบในครั้งนี้มีขึ้นที่สนามช้างซึ่งเป็นสนามแข่งรถ ทำให้เราได้มีโอกาสทดลองขับขี่ในทั้ง 3 โหมด ซึ่งบอกเลยว่าแค่โหมดสตรด้าก็ถือว่ามันสุดยอดแล้ว และโหมดคอร์ซ่า ก็มากเกินไปกว่าที่เราจะใช้งานหรือควบคุมมันได้อย่างเนียนกริบ ถ้าเป็นโหมดสปอร์ตก็พอไหวอยู่

การตอบสนองของเครื่องยนต์ทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นเล็กไม่ได้มีปัญหาในการขับขี่แต่อย่างใด จังหวะการออกตัว การเร่งแซง และการขับขี่ในทุกย่านความเร็วนั้นต้องบอกว่าเหนือชั้น รวมถึงเรื่องของการตอบสนองของเกียร์ที่ให้ความดุดันทั้งในโหมดธรรมดาหรือโหมดอัตโนมัติก็ตามที

อย่างไรก็ตาม แม้ช่วงล่างของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อจะให้การตอบสนองที่แม่นยำและเฟิร์มกว่า แต่หากต้องการความสนุกสนานในการขับขี่แล้ว ในรุ่นเล็กที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลังนั้นสนุกสนานและเปิดโอกาสให้ใช้ฝีมือและทักษะในการควบคุมที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด



ฮูราคานนั้นกลายเป็นลัมบอร์กินี่ที่มีความเหมาะสมสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลัมบอร์กินี่มียอดจำหน่ายเติบโตขึ้นกว่า 28% ในปีที่ผ่านมา โดยมียอดขายไปมากกว่า 3,200 คันในรอบปี ซึ่งถือว่าเป็นยอดขายที่สูงมากในประวัติศาสตร์ของแบรนด์

ความน่าสนใจนอกจากเรื่องของเครื่องยนต์และการตอบสนองที่เรียกว่าไม่มีอะไรให้ต้องติติงแล้ว ฮูราคานให้ความสะดวกสบายในการเดินเข้า-ออกจากห้องโดยสาร รวมไปถึงพื้นที่ของห้องโดยสารทั้งหลังพวงมาลัยและที่นั่งด้านข้าง ก็มีพื้นที่ที่เหนือกว่ารถสปอร์ตรุ่นอื่น ๆ

ทัศนวิสัยของรถคันนี้นั้นเป็นรถสปอร์ตที่ขับขี่ได้อย่างง่ายดาย ให้การควบคุมที่แม่นยำ การกะระยะของรถทำได้ไม่ยากเย็น แต่แน่นอนว่าต้องอาศัยความชำนาญและเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้นอีกนิด หากต้องการใช้งานรถคันนี้ในเมืองใหญ่ที่มีรถยนต์จำนวนมาก



ไม่ว่าจะเป็นโหมดของการขับขี่แบบใด หากเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม ลัมบอร์กินี่ ฮูราคาน ก็จะพาเจ้าของรถโลดแล่นไปได้อย่างมีความสนุกสนานในการขับขี่ หรือแม้แต่คนที่ไม่ได้ขับประเภทนี้มาก่อน รถคันนี้ก็ให้การควบคุมที่ไม่ได้ยากเย็นจนเกินไปนัก

ถือเป็นรถสปอร์ตที่น่าสนใจคันหนึ่ง หากมีเงินพร้อมที่จะซื่อรถยนต์ในกลุ่มนี้ แนะนำให้ไปลองขับกันก่อน เพื่อเปรียบเทียบว่าจะเอาคันนี้ดีหรือไม่

แต่ต่อให้อยากได้ ก็ต้องรอกันข้ามปีอยู่ดี หากอยากจะเป็นเจ้าของกับเขาสักคัน…