แน่นอนว่า รถแต่ละคัน ก็เลือกใช้เชื้อเพลิงในรูปแบบที่แตกต่างกันไป หลักใหญ่ก็จะแยกเป็นเบนซินกับดีเซล และในตัวเบนซินก็มีแยกไปอีกว่าจะเป็น 95, 91, E20, E85 ซึ่งรถแต่ละคันก็จะมีข้อจำกัดในการเติมลงไปอีก แถมในหัวจ่ายตู้เดียวกันในปั๊มเติมน้ำมัน ก็ยังมีน้ำมันหลากประเภทในจุดเดียวกันอีกด้วย ทำให้เราได้เห็นเหตุการณ์การเติมน้ำมันผิดกันอยู่เป็นประจำ ทำให้รถไม่สามารถวิ่งต่อไปได้ ถ้าคุณไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบน



ติดป้ายในฝาถังน้ำมันให้ชัดเจน

วิธีป้องกันไม่ให้เด็กปั๊มเติมน้ำมันผิดขั้นตอนแรกที่ควรทำ คือการที่มีป้ายสติ๊กเกอร์ติดอยู่บนฝาถังน้ำมันด้านใน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วรถป้ายแดงจะมีติดมาให้แล้ว แต่ก็ยังมีบางรุ่นที่ยังติดไม่ชัดเจน ดังนั้นเราควรหาสติ๊กเกอร์ตามร้านทั่วไปมาติด อาทิ ดีเซลเท่านั้น, 95 หรือ 91 เท่านั้น, ห้ามเติม E85 เป็นต้น มาแปะเอาไว้เพื่อให้เด็กปั๊มสังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจน ป้องกันเอาไว้ด่านแรกในกรณีที่เด็กปั๊มอาจจะฟังไม่ชัดเจน หรือคุณเผลอสั่งน้ำมันไปผิดประเภท เมื่อเด็กปั๊มเห็น จะได้ทักว่า "ที่ฝาถังติดแบนี้ สรุปพี่สั่งให้เติมแบบไหน"



สั่งให้ชัดเจน

เด็กปั๊มจะเดินมาถามผู้ต้องการเติมน้ำมันทุกครั้ง ว่าเราต้องการเติมน้ำมันประเภทไหน จำนวนเท่าไหร่ ซึ่งเราเองก็ต้องพูดให้ครบถ้วน เสียงดังชัดเจน เช่น ดีเซล เต็มถัง, E20 500 บาท เป็นต้น เข้าใจได้ว่าช่วงนี้อาจจะใช้การอ่านปากประกอบไม่ได้ เพราะเราต้องใส่หน้ากากอยามัยในการสื่อสารกับคนแปลกหน้า ดังนั้นควรพูดให้ช้า ให้ชัด และเสียงดังเอาไว้ก่อน เพื่อทดแทนการมองไม่เห็นปาก

มองดูป้ายวางหน้ารถ และตอนเด็กปั๊มชักหัวจ่าย

สิ่งหนึ่งที่ช่วยป้องกันการเติมน้ำมันผิดประเภทได้ดีมากที่สุด คือการเดินลงมาดูว่า เด็กปั๊มได้ชักหัวจ่ายถูกต้องตามที่เราสั่งเอาไว้หรือไม่ หรือจะสังเกตุจากป้ายที่วางอยู่หน้ารถก็ได้ (ปั๊มส่วนใหญ่จะมีแล้ว) ว่าเด็กปั๊มได้ยินที่เราสั่งชัดเจนหรือเปล่า ถ้าเห็นว่าผิดเมื่อไหร่ ให้รียทักทันที ก่อนที่เด็กปั๊มจะเสียบหัวจ่ายลงสู่ปากถังน้ำมันเราได้ อย่าเอาแต่สั่งเสร็จแล้วหันสายตามามองโทรศัพท์มือถือ เสียเวลานิดหน่อยเดินลงมาดูนิดเดียว ดีกว่าต้องแก้ไขเมื่อเด็กปั๊มเติมน้ำมันผิด



ถ้าผิดแล้วควรทำอย่างไร?

ขั้นตอนการแก้ไขเมื่อเกิดเหตุการณ์เติมน้ำมันผิด มีแยกย่อยไปหลายรูปแบบ เช่น ถ้าเติมผิดจาก E20 เป็น E85 ก็อาจจะส่งผลกระทบไม่ได้มากเกินกว่าจะแก้ไขได้ แต่ถ้าสลับจากเบนซินเป็นดีเซลเลย ก็จะยากหน่อย โดยจะแบ่งเป็นดังนี้ครับ

- เติมน้ำมันผิด แต่รู้ตัวที่ตู้จ่าย สิ่งแรกที่ควรทำคือดับเครื่องทันที แต่ถ้าดับเครื่องอยู่แล้ว ก็ห้ามสตาร์ทใหม่เด็ดขาด จากนั้นให้ลากรถเข้าไปที่อู่เพื่อทำการดูดน้ำมันเก่าออกไปให้หมด แล้วจัดการเติมน้ำมันใหม่ที่ถูกประเภทลงไปให้เต็ม จากนั้นลองสตาร์ทเครื่องดู ถ้าเครื่องเดินปกติ ก็สามารถใช้งานได้เลย แต่ถ้าเครื่องเดินสะดุด ให้ลองปล่อยรถติดรอบเดินเบาเอาไว้สักครู่ ถ้าหายไป ก็ให้ใช้งานต่อได้เลย แต่ถ้าเครื่องดับ ให้ลองสตาร์ทใหม่จนกว่าจะติด แต่ถ้าสตาร์ทไม่ติด ต้องทำการแก้ไข โดยถ้าเป็นเครื่องยนต์เบนซิน ให้ถอดหัวเทียนออกมาล้าง และเปลี่ยนกรองเบนซินใหม่ ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลให้เหปลี่ยนกรองดีเซลใหม่ แล้วทำการสตาร์ทใหม่อีกครั้ง

- เติมน้ำมันผิด แล้วใช้จนดับ ให้ทำขั้นตอนเดียวกันกับการดับก่อนเครื่องดับ แต่ข้ามขั้นตอนการสตาร์ทเพื่อลองทดสอบออกไปเลย ถ้าเป็นเครื่องยนต์เบนซิน ให้ถอดหัวเทียนออกมาล้าง และเปลี่ยนกรองเบนซินใหม่ ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลให้เหปลี่ยนกรองดีเซลใหม่ แล้วทำการสตาร์ทใหม่อีกครั้ง ช่วงแรกอาจะมีการสะดุดของเครื่องยนต์บ้าง ให้ติดเครื่องไว้จนกว่าเครื่องจะเดินปกติ จากนั้นให้ทดสอบด้วยการเปิดแอร์ ถ้าเครื่องเดินปกติ ก็ใช้งานได้เลย



การป้องกันการเติมน้ำมันผิดจะเกิดขึ้นได้ยาก ถ้าหากเราที่เป็นเจ้าของรถยนต์ยอมเสียเวลาและกำลังเล็กน้อยเดินมาดูตอนเด็กปั๊มชักหัวจ่ายออกมา ถ้าชักผิดก็จะได้ทักได้ทันท่วงที ถ้าขี้เกียจหรือไม่สนใจ เกิดวันหนึ่งแจ๊คพอทมาเกิดเรื่องแบบนี้กับเราขึ้นมาพอดี อาจจะต้องทั้งเสียเงินและเสียเวลากันยาวได้เลยครับ

Model : สุพรรณี น้อยโนนทอง
Photographer : ปวีณ กุลเกษม

วันที่ 9 เดือน 9 ปี 2023 ที่ผ่านมา ทาง GAC AION จากจีน ได้เปิดตัวรถไฟฟ้าใหม่ ในร่าง SUV นามว่า AION Y Plus อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดย AION เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV ชั้นนำจากจีน ภายใต้บริษัท Guangzhou Automobile Group ที่ได้รับการจัดอันดับจาก Fortune Global 500 ซึ่งเป็นการจัดอันดับ 500 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของโลกจากการประเมินรายได้ โดยบริษัท Guangzhou Automobile Group อยู่ในอันดับที่ 165 ซึ่งในปัจจุบันยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าของ AION นับเป็นอันดับที่ 2 ในประเทศจีน และเป็นลำดับ 3 ของโลก



รถไฟฟ้า AION Y Plus ใหม่นี้ ชูความเป็นรถไฟฟ้าระดับท็อปในร่างของรถ SUV ที่นำเสนอดีไซน์และการออกแบบให้สัมผัสถึงความ Luxury และทันสมัยด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์ความต้องการ พร้อมร่วมวงท้าชิงในตลาดรถไฟฟ้าในไทย ที่ในปัจจุบันนี้เห็นได้ชัดว่ามีการเติบโตของยอดขายรถไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางค่าย GAC AION นอกจากมุ่งนำเสนอความคุ้มค่าในการใช้งานแล้ว ยังมุ่งนำเสนอระยะทางวิ่งสูงสุด ความปลอดภัย พื้นที่ใช้สอยภายในรถ และระบบอัจฉริยะต่าง ๆ  ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้ในเรื่องของราคาจำหน่าย รวมไปถึงการบริการหลังการขาย และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ

โดยสิ่งที่เป็นข้อกังวลมากที่สุดของการเลือกใช้งานรถไฟฟ้าอีกเรื่องหนึ่งก็คือ เรื่องของแบตเตอรี่ โดยเฉพาะกับรถไฟฟ้าในร่าง SUV ที่เป็นรถที่มีขนาดรถที่ใหญ่และน้ำหนักมากจึงต้องมีการใช้พลังงานในการขับขี่ค่อนข้างสูง ดังนั้นระยะทางวิ่งสูงสุดของแบตเตอรี่จึงเป็นเรื่องสำคัญ ทาง GAC AION จึงมุ่งเน้นที่เรื่องของขนาดแบตเตอรี่ที่สามารถวิ่งได้ไกลมากที่สุดจึงตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของการเดินทางไกล ความสะดวกสบายในการใช้งานในชีวิตประจำวัน และลดความถี่ในการชาร์จ ทั้งนี้ยังช่วยลดต้นทุนในการใช้งานอีกด้วย

ส่วนในเรื่องของความปลอดภัยของแบตเตอรี่เองก็สำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ามีระบบแบตเตอรี่เป็นหัวใจสำคัญของรถไฟฟ้า EV เมื่อเลือกรถยนต์ไฟฟ้าผู้บริโภคก็ต้องเชื่อมั่นและเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจากบริษัทที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะเพื่อความปลอดภัยสูงสุด  และต่อมาในเรื่องของพื้นที่ใช้สอยภายใน ก็น่าจะเป็นอีกเรื่องสำหรับใครที่กำลังมองหารถไฟฟ้าในร่าง SUV ที่เน้นความอเนกประสงค์ การที่มีพื้นที่มากเพียงพอก็น่าจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้งานรถไฟฟ้าสักคัน

หากเปรียบเทียบสเปคในรุ่นย่อยเริ่มต้นของทั้งรถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus ใหม่ กับคู่แข่งสำคัญอย่าง BYD  ATTO 3 ที่มีจำหน่ายทั้งในจีนและในไทยเช่นเดียวกันแล้ว มีรายละเอียดดังนี้



เมื่อเปรียบเทียบในส่วนขนาดของแบตเตอรี่แล้ว ฝั่งของ BYD  ATTO 3 มากับแบตเตอรี่ขนาด 49.92 kWh (ในรุ่นเริ่มต้น Standard Range) ส่วนของ AION Y Plus มีแบตเตอรี่ขนาด 63.2 kWh (ในรุ่นเริ่มต้น 490 ELITE)

และอย่างที่ทราบกันดีรถไฟฟ้าหลายรุ่นไม่ได้พัฒนาขึ้นจากแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ มีการพัฒนาร่วมกับรถยนต์สันดาป มีการนำแพลตฟอร์มรถยนต์สันดาปมาดัดแปลงเป็นรถยนต์ไฟฟ้านั้นเอง รถรุ่นเดียวบางรุ่นเราจะได้เห็นขุมกำลังทั้งรถยนต์สันดาป รถยนต์ไฮบริด PHEV และรถยนต์ไฟฟ้า 100% ข้อเสียเปรียบตรงนี้อาจเป็นเรื่องของการเสียพื้นที่ในห้องโดยสารด้านหน้า การจัดวางแบตเตอรี่ หรือระยะทางที่สามารถวิ่งได้ รวมไปถึงพื้นของที่นั่งด้านหลังอาจถูกยกสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้โดยสารแถวหลังนั่งไม่สบาย หรือแม้แต่ในบางรุ่นที่การางแบตเตอรี่อยู่ในตำแหน่งส่วนท้ายของรถ

ซึ่งสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus ถูกพัฒนาขึ้นบนโครงสร้างของ AEP แพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ (AION Electric Platform) ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดยทีมวิจัยจำนวน 200 คน ซึ่งใช้เวลา 30 เดือน และเงินลงทุนถึง 15,000 ล้านบาท ในการคิดค้นและพัฒนา AEP เป็นแพลตฟอร์มไฟฟ้าที่ถูกออกแบบมาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยเฉพาะ



มีรูปแบบการจัดวางแบตเตอรี่ในแนวราบ ใช้พื้นที่ระยะฐานล้อที่ยาวทำให้จัดเรียงชุดแบตเตอรี่ได้มากขึ้น ทำให้สามารถวิ่งได้ระยะไกลมากยิ่งขึ้น ระยะโอเวอร์แฮงค์หน้าและหลังสั้น ระยะฐานล้อยาว และมีพื้นที่ภายในกว้างขวางกว่ารถในกลุ่มเดียวกัน และมีอัตราส่วนน้ำหนักของรถด้านหน้าและด้านหลัง 50:50 แบบเดียวกับรถสปอร์ต ทั้งยังมีสมรรถภาพของช่วงล่างที่ดีเยี่ยม ส่งผลให้การควบคุมรถมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การออกแบบโครงสร้างตัวรถ มีการใช้โครงสร้างรถแบบชิ้นเดียว มีความทนทานและแข็งแรงสูง ทนแรงอัดได้ดี ทำให้ผู้ขับขี่มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น รองรับการติดตั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ให้คุณเพลิดเพลินไปกับเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและฉลาดยิ่งขึ้น

ในด้านของพื้นที่ภายในห้องโดยสารเอง AION Y Plus มีระยะฐานล้อ 2,750 มม. มีพื้นที่วางเท้าด้านหลังกว้าง 1,022 มม. มุมเปิดประตูสูงสุดเกือบ 90° พื้นเรียบไม่มีขอบประตู ทั้งยังสามารถพับเบาะปรับ เปลี่ยนที่นั่งตอนหน้าเพื่อปรับเป็นเตียงขนาดใหญ่ 1.8 เมตรได้ในทันที และด้วยอัตราส่วนด้านหน้าและด้านหลัง 50:50 ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้น รถยนต์ของ AION จึงเปี่ยมด้วยสมรรถนะในการขับขี่ด้วยการวิ่งตะแคงเพียง 2 ล้อ ซึ่งเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งสำหรับรถรุ่นอื่น

ส่วนของระบบอัจฉริยะภายในรถ AION Y Plus ถูกออกแบบให้มีทั้งมือจับประตูระบบไฟฟ้าแบบซ่อน ระบบสตาร์ทแบบไร้สัมผัส IBCM และเกียร์ข้างพวงมาลัยแบบอัจฉริยะ เมื่อเหยียบขึ้นรถระบบไฟฟ้าจะทำงานทันที สามารถเข้าเกียร์แล้วออกรถได้เลย มีหน้าจอคู่ขนาด 10.25”+14.6” และระบบกล้องแบบพาโนรามา 360° ที่มีความละเอียดสูง ช่วยให้เห็นสภาพแวดล้อมรอบรถได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อขับขี่ในสภาพถนนแคบหรือใกล้สิ่งกีดขวาง ภาพพาโนรามาแบบ 360° จะเปิดโดยอัตโนมัติเพื่อแสดงมุมมองแบบพาโนรามารอบตัวรถโดยไม่มีจุดบอด

ในเรื่องของรูปลักษณ์ AION Y Plus อยู่ในฐานะที่เป็น SUV ที่ทันสมัยและอินเทรนด์ มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์ไม่แพ้ใครเช่นกัน ในด้านการออกแบบ AION Y Plus มีไฟหน้าแบบปีกนางฟ้า (Angel Wing) อันเป็นเอกลักษณ์และไฟท้ายแบบเส้นขอบฟ้า (Skyline Through-Type) ให้คุณสามารถมองเห็นท้องถนนได้ชัดเจนมากขึ้น มีสีตัวรถรอบนอกถึง 7 สี + สไตล์การตกแต่งภายในถึง 5 แบบ ทั้งนี้ภายในรถยังมีไฟสร้างบรรยากาศที่สามารถปรับได้ถึง 32 สี และปรับความสว่างได้ 8 ระดับซึ่งสามารถเปลี่ยนตามจังหวะดนตรีได้ และยังสามารถจับคู่รูปแบบการตกแต่งภายในและภายนอกได้ถึง 35 แบบ









ด้านความปลอดภัยของแบตเตอรี่ AION Y Plus มากับแบตเตอรี่ Magazine Battery ที่เป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยของแบตเตอรี่ทั้งระบบแบบเดียวที่ประกอบด้วย "เซลล์ โมดูลและแพ็ค" มีการทดสอบความปลอดภัยด้วยการยิงกระสุนปืนทะลุแบตเตอรี่ เพื่อให้แน่ใจว่าแม้ถูกปืนยิงก็ไม่ลุกติดไฟ โดย AION Y Plus ไม่เคยเกิดเหตุลุกติดไฟเลยแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ และเมื่อเปรียบเทียบกับการทดสอบมาตรฐานด้วยการเจาะทะลุแบตเตอรี่ด้วยแท่งเหล็ก ความเร็วในการเจาะทะลุของการทดสอบด้วยการยิงกระสุนปืนนั้นสูงกว่าถึง 980,000 เท่า และเส้นผ่านศูนย์กลางของรอยทะลุใหญ่กว่าถึง 7-8 เท่า



ส่วนในเรื่องของการบริการหลังการขาย AION Y Plus ได้มอบการรับประกันตัวรถ แบตเตอรี มอเตอร์ และระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ และยังมอบความสะดวกสบายให้ลูกค้าด้วยบริการสินเชื่อทางการเงินที่ยืดหยุ่นเพื่อบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า นอกจากนี้ยังมอบสิทธิพิเศษติดตั้ง Home charger ฟรี เพื่อเป็นสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกค้า



โดยในปัจจุบันมีการขยายช่องทางจัดจำหน่ายของ AION ในประเทศไทย ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วเพื่อมอบบริการที่ครอบคลุมและสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยจับมือกับกลุ่มตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ 4 กลุ่มในประเทศไทย และปัจจุบันมีศูนย์จัดจำหน่ายแล้ว 30 แห่ง โดย 25 แห่งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และกระจายอยู่ในต่างจังหวัดอีก 5 แห่ง คาดว่าจะสร้างศูนย์จัดจำหน่ายและศูนย์บริการแล้วเสร็จ 50 แห่งภายในสิ้นปีนี้ และคลังสินค้ากลางของอุปกรณ์เสริมของ AION ได้เริ่มเปิดดำเนินการแล้ว และสามารถจัดส่งได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทยภายใน 24 ชั่วโมง

รายงานล่าสุดเผยว่านิสสันจะจัดตั้งศูนย์วิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยในจีนเพื่อมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าจีน นอกจากนี้ทาง Nissan ยังเตรียมขายรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นที่กำลังพัฒนาในจีนให้กับตลาดต่างประเทศเพื่อเพิ่มยอดขายอีกด้วย



Masashi Matsuyama รองประธานนิสสัน มอเตอร์ และประธาน Nissan China เปิดเผยว่า บริษัทอาจขายรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่และปลั๊กอินไฮบริดที่พัฒนาและผลิตในจีนไปยังตลาดต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังกำลังพิจารณาส่งออกรถยนต์ที่ใช้ระบบเครื่องยนต์สันดาปภายในจำนวนหนึ่งจากประเทศจีน

ซึ่งในจีนนั้นตลาดของนิสสันมีสัดส่วนมากกว่าหนึ่งในห้าของยอดขายทั่วโลกของ Nissan ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ โดยการส่งออกโมเดลที่ผลิตในจีนจะช่วยให้สามารถใช้ประโยชน์จากต้นทุนการผลิตที่ลดลงของประเทศ จากรายงานของ Auto News

และข่าวนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่พันธมิตรที่ได้รับการแก้ไขของ Nissan กับ Renault เริ่มเป็นรูปเป็นร่างโดยผู้ผลิตรถยนต์ชาวฝรั่งเศสขายหุ้น 5% คืนให้กับ Nissan ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการเป็นพันธมิตรใหม่ Renault จะลดสัดส่วนการถือหุ้นใน Nissan จาก 43% เหลือ 15%

Model : jassmiine
Photographer : Therapyz.Pic