กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: [1] 2 3 ... 10
1


หลังจากแฟน ๆ เรียกร้องมานาน ในที่สุด BMW M ก็เตรียมเปิดตัวซูเปอร์คาร์ "ฮาโลคาร์" รุ่นใหม่ ที่มีแนวโน้มว่าจะสืบทอดจิตวิญญาณจาก BMW M1 อันโด่งดังในยุค 70s พร้อมการตีความใหม่ให้ทันสมัย



ซีรีส์รถลิมิเต็ดใหม่ จากแรงบันดาลใจ Skytop
การพัฒนานี้ตามมาหลังจากโครงการ BMW Skytop คอนเซ็ปต์คาร์ที่เปิดตัวที่งาน Villa d’Este ปีที่แล้วประสบความสำเร็จเกินคาด พร้อมข่าวว่าจะผลิตจริงเพียง 50 คัน ราคาประมาณ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

จากความสำเร็จนี้ Sylvia Neubauer รองประธาน BMW M ด้านลูกค้า แบรนด์ และการขาย ยืนยันว่า BMW เตรียมสร้างซีรีส์รถลิมิเต็ดรุ่นพิเศษที่ใช้ตรา M เพื่อเสริมภาพลักษณ์ความหรูหราและความปรารถนาในแบรนด์

ความเป็นไปได้: M1 Revival หรือซูเปอร์คาร์ไฟฟ้า
แม้ยังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่ารถรุ่นใหม่นี้จะเกี่ยวข้องกับโครงการต้นแบบอย่าง I16 หรือ Neue Klasse EV Coupe หรือไม่ แต่ข้อมูลก่อนหน้านี้ชี้ว่ามีการพัฒนารถซูเปอร์คาร์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าหรือไฮบริดขั้นสูง และอาจนำดีไซน์ที่ดุดันและเทคโนโลยีล้ำยุคมาใช้



Neubauer ยังเผยด้วยว่า:
“ฮาโลคาร์เหล่านี้ช่วยสร้างความปรารถนาให้กับแบรนด์ได้อย่างมาก แม้แต่กลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้ครอบครองรถก็ยังชื่นชมแบรนด์ของเรา”

เมื่อถูกถามว่ารถรุ่นใหม่นี้จะชนกับ Porsche 911 ได้หรือไม่ เธอตอบอย่างระมัดระวังว่า:
“ถ้าเราทำ เราจะต้องทำให้ออกมาสมบูรณ์แบบ 100%”

จุดที่น่าสนใจเพิ่มเติม
* ซูเปอร์คาร์ใหม่ของ BMW M อาจเป็นไฟฟ้าล้วนหรือไฮบริด
* คาดว่าจะเป็นรุ่นลิมิเต็ด ผลิตจำนวนจำกัด
* อาจมีการเปิดตัวตัวอย่างแรกที่งาน Villa d’Este ปีนี้

BMW M กำลังวางหมากครั้งสำคัญเพื่อคืนชีพไอคอนในตำนาน ผ่านซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่ที่รวมเอาความหรูหรา เทคโนโลยีล้ำสมัย และสมรรถนะระดับ M อย่างแท้จริง ใครที่รอคอย M1 ยุคใหม่ เตรียมตั้งตารอได้เลย

ที่มา Carscoops
2


Huawei ก้าวเข้าสู่โลกของอัลตร้าลักชัวรี่อย่างจริงจังด้วยการเปิดเผยภายในห้องโดยสารของ Maextro S800 ซีดานสุดหรูที่ถูกเปรียบเทียบว่าให้ประสบการณ์ระดับ Rolls-Royce และ Mercedes-Maybach ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า



หรูหราแบบ Maybach ผสานนวัตกรรมแบบ Huawei
ภายในห้องโดยสาร Maextro S800:
* พวงมาลัยสองโทนดีไซน์เรียบหรู
* หน้าจอลอยขนาดใหญ่ สไตล์คล้าย MBUX Hyperscreen ของ Mercedes
* ตะแกรงลำโพงเมทัลลิกดีไซน์หรู คล้าย Burmester
* ระบบควบคุมเบาะไฟฟ้าบนแผงประตูแบบเดียวกับ Maybach
* จอแสดงภาพจากกระจกมองข้างดิจิทัล
* แท่นชาร์จสมาร์ตโฟนไร้สายแบบคู่
* วัสดุตกแต่งลายไม้และแผงคอนโซลกลางที่สวยงาม
* ปุ่มควบคุมแบบลูกบิดเมทัลลิกสุดหรู
* เบาะนั่งหนังผสมวัสดุคล้ายหนังกลับ (Suede-like)



จุดเด่นคือห้องโดยสารด้านหลังสุดพิเศษ
* เบาะคู่หลังแยกอิสระ พร้อมระบบปรับไฟฟ้าและที่พักเท้า
* เบาะหน้าฝั่งผู้โดยสารสามารถพับเก็บเพื่อเพิ่มพื้นที่วางขา
* คอนโซลกลางระหว่างเบาะหลังหุ้มหนังและไม้ พร้อมถาดวางแชมเปญและลิ้นชักซ่อน
* หลังคา Starry Headliner แบบ Rolls-Royce
* หน้าจอติดตั้งบนบานประตู สไตล์เดียวกับ BMW 7-Series
* มีตู้เย็นขนาดเล็กและระบบเอนเตอร์เทนเมนต์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง





ข้อมูลเบื้องต้น Maextro S800
* ความยาวตัวถัง: 5,480 มม. (ยาวกว่า Maybach S-Class เล็กน้อย)
* ระยะฐานล้อ: 3,370 มม. (สั้นกว่า Maybach ประมาณ 25 มม.)
* แบตเตอรี่: 94.4 kWh (วิ่งได้ 416–436 ไมล์ CLTC)
* เวอร์ชัน Range-Extended: ใช้แบตเตอรี่ 63.3 kWh (วิ่งได้ 160–193 ไมล์ CLTC)
* ราคาเริ่มต้นในจีน: 1 ล้านหยวน

เมื่อเทียบกับ Mercedes-Maybach S480 ที่จีนเปิดราคาที่ 1.48 ล้านหยวน (~203,100 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ถือว่า Maextro S800 เป็นตัวเลือกที่ให้ความหรูหราได้คุ้มค่ากว่าอย่างชัดเจน

Huawei Maextro S800 คือการผสมผสานระหว่างความหรูหราแบบยุโรปและนวัตกรรมเทคโนโลยีสไตล์จีนในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า ทั้งดีไซน์หรูหรา อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน และพละกำลังจากขุมพลังไฟฟ้าล้วนหรือไฮบริด

ที่มา Carscoops
3
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • Champ •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 05-05-25, 09:48:40 am »









Model : Champ Emmita
Photographer : Nay Moe
4
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • Noey •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 05-05-25, 09:45:25 am »









Model : Noey Parita Butter
Photographer : Jit Nakrungsu
5
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • ชาเอม •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 05-05-25, 09:36:35 am »









Model : ชาเอม เส้นเล็กหมูไม่ผัก
Photographer : Got Tnslk

6
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • พราว •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 05-05-25, 09:34:45 am »









Model : พราว เวอร์
Photographer : Psk Photott

7


ไทยฮอนด้า เปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ New Honda CUV e: อย่างเป็นทางการในงาน Motor Show 2025 ที่ผ่านมา พร้อมสถานีบริการ Honda e:SWAP STATION ครอบคลุมกว่า 33 จุดทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ล่าสุดเปิดให้เช่าขี่รายเดือนได้แล้ว ในราคาเริ่มต้นที่ 4,000 บาท/เดือน



New Honda CUV e: มาพร้อมดีไซน์ล้ำสมัย ไฟหน้า-ท้าย LED หน้าจอแสดงผล TFT ขนาด 7 นิ้ว (รุ่น Connectivity) หรือ 5 นิ้ว (รุ่น Standard) รองรับทุกการขับขี่ทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) โหมดการขับขี่แบบประหยัด (ECON Mode) และโหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) พร้อมฟังก์ชันช่วยถอยหลัง ทำความเร็วสูงสุด 83 กม./ชม. และวิ่งได้ไกลกว่า 70 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง อีกทั้งเสริมการใช้งานยิ่งง่ายขึ้นด้วยแอปพลิเคชัน Honda RoadSync Duo (เฉพาะรุ่น Connectivity) ที่ช่วยค้นหาสถานีใกล้ตัวได้แบบเรียลไทม์ รองรับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ในยุคดิจิทัล



ด้วยจุดเด่นของระบบสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่สะดวกและรวดเร็ว เพียงแค่ “Scan – Swap – Start” ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ภายใน 1 นาที โดยไม่ต้องเสียเวลารอชาร์จ แบตเตอรี่ทุกลูกควบคุมอุณหภูมิขณะชาร์จไม่เกิน 25°C และผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล UNR 136



สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเช่าใช้บริการ ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Standard ในราคาเช่าเพียง 4,000 บาทต่อเดือน และรุ่น Connectivity ในราคาเช่า 4,500 บาทต่อเดือน มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ (Mat Gunpowder Black Metallic) และ สีขาว (Pearl Jubilee White) พร้อมสิทธิพิเศษประกันภัยชั้น 1 + พ.ร.บ. และค่าบำรุงรักษาฟรีตลอดอายุสัญญาเช่า
8


Ford ประกาศหยุดส่งออกรถยนต์จากสหรัฐอเมริกาไปยังจีนอย่างเป็นทางการ หลังจีนตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้ารถจากอเมริกาสูงสุดถึง 150% ส่งผลให้โมเดลสำคัญอย่าง F-150 Raptor, Bronco, Mustang และ Lincoln Navigator ถูกระงับการจัดส่งทั้งหมด



เหตุการณ์นี้เป็นผลพวงล่าสุดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่ยังคงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก โดยเฉพาะผู้ผลิตรถจากทั้งสองประเทศที่กลายเป็น "เหยื่อ" ของนโยบายภาษีตอบโต้

ตัวเลขสะท้อนผลกระทบ:
* ในปี 2023 Ford ขายรถในจีนได้ราว 400,000 คัน
* แต่มีเพียง 5,500 คันเท่านั้นที่ถูกนำเข้าจากสหรัฐฯ
* แม้เป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อย แต่เป็นกลุ่มที่ทำกำไรสูง โดยเฉพาะรุ่น F-150 Raptor ที่วางขายในจีนในราคากว่า $100,000

แม้จะหยุดส่งออกรถทั้งคัน Ford จะยังคงส่งออก เครื่องยนต์ และ ระบบเกียร์ ที่ผลิตในสหรัฐฯ ไปยังจีนตามปกติ ขณะเดียวกัน รถบางรุ่นเช่น Lincoln Nautilus ที่ Ford นำเข้าจากจีนก็ยังคงมีการจัดส่งต่อไป แม้จะต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าสูง



จากบันทึกภายในของ Ford ระบุว่า หากสงครามภาษียังยืดเยื้อ อาจมีการ ปรับขึ้นราคารถยนต์ใหม่ในสหรัฐฯ แม้ว่า 80% ของรถที่ขายในอเมริกาจะผลิตภายในประเทศก็ตาม แต่การนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศยังคงเป็นจุดอ่อนที่ถูกเก็บภาษี

รายงานจาก Center for Automotive Research คาดการณ์ว่า นโยบายเก็บภาษีนำเข้า 25% ของรัฐบาลทรัมป์ จะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ มีต้นทุนเพิ่มขึ้นรวมกว่า 108,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2025

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ส่งสัญญาณว่าอาจ พิจารณายกเว้นภาษีบางส่วน เพื่อบรรเทาผลกระทบในอนาคต

ที่มา Carscoops
9


กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน (MIIT) ประกาศข้อบังคับใหม่ที่เข้มงวดเกี่ยวกับการโฆษณาและการใช้งานเทคโนโลยีช่วยขับขี่ โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันความเข้าใจผิดของผู้บริโภคเกี่ยวกับความสามารถของระบบขับขี่อัตโนมัติ



ห้ามใช้คำว่า “ขับขี่อัจฉริยะ” และ “อัตโนมัติ” ในโฆษณา ทาง MIIT ห้ามใช้คำที่คลุมเครือและชวนให้เข้าใจผิด เช่น “ขับขี่อัจฉริยะ” “ขับขี่อัตโนมัติ” หรือ “ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ” ซึ่งมักถูกใช้ในการโฆษณาระบบช่วยขับขั้นสูง (ADAS) ทั้งที่เทคโนโลยีเหล่านี้ยังไม่ถึงขั้นรถขับเคลื่อนอัตโนมัติอย่างแท้จริง

แทนที่จะใช้คำโฆษณาเหล่านั้น แบรนด์ต่าง ๆ จะต้องระบุให้ชัดเจนว่าเทคโนโลยีของตนอยู่ในระดับใดของมาตรฐาน SAE (Society of Automotive Engineers) ซึ่งมีตั้งแต่ Level 0 (ไม่มีระบบช่วยขับใด ๆ) ไปจนถึง Level 5 (ขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ)

ในปัจจุบัน แทบทุกระบบที่ใช้งานได้จริงยังอยู่ที่ระดับ 2 เช่นเดียวกับระบบ Full Self-Driving ของ Tesla ยกเว้น Drive Pilot ของ Mercedes-Benz ที่ถือเป็นระบบระดับ 3 เพียงไม่กี่ตัวในตลาด

อีกหนึ่งมาตรการสำคัญคือการ ห้ามใช้ฟีเจอร์เรียกรถจากระยะไกล อย่างฟีเจอร์ Smart Summon ของ Tesla ที่ให้รถเคลื่อนที่เองโดยไม่มีคนอยู่หลังพวงมาลัย ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนในสหรัฐฯ

นอกจากนี้ MIIT ยังห้าม การทดสอบฟีเจอร์ใหม่ของระบบ ADAS ผ่านการอัปเดตซอฟต์แวร์ในที่สาธารณะ (Public Beta)และเรียกร้องให้บริษัทรถยนต์ ลดความถี่ของการอัปเดต OTA (Over-the-Air Updates) เพื่อควบคุมความปลอดภัยในการใช้งานจริง



อีกหนึ่งข้อบังคับสำคัญคือ รถยนต์จะต้องมีระบบตรวจสอบผู้ขับที่ไม่สามารถปิดการทำงานได้ และในกรณีที่ไม่พบมือของผู้ขับอยู่บนพวงมาลัยนานกว่า 60 วินาที รถจะต้องชะลอความเร็ว หยุด หรือเปิดไฟฉุกเฉินโดยอัตโนมัติ

มาตรการทั้งหมดนี้ถูกประกาศหลังเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงที่ประเทศจีน ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 3 ราย หลังผู้ขับรถ Xiaomi SU7 สูญเสียการควบคุมเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากปิดระบบขับอัตโนมัติ

การเคลื่อนไหวของจีนในครั้งนี้นับเป็นการ “เบรก” ความเร็วของการพัฒนาและโปรโมตระบบช่วยขับที่กำลังร้อนแรงในอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยเฉพาะในประเทศที่ผู้ผลิตแข่งขันกันด้วยฟีเจอร์ล้ำสมัย

คำถามคือ ควรมีประเทศอื่นเดินตามรอยจีนหรือไม่? โลกตะวันตกควรตั้งกฎเข้มงวดคล้ายกันเพื่อป้องกันอันตราย หรือควรเปิดทางให้เทคโนโลยีพัฒนาต่อไปอย่างเสรี?

ที่มา Carscoops
10
Motor Zone / Kia EV6 ปี 2025 ปรับโฉมใหม่ พร้อมแรงม้า 601 ตัว
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 27-04-25, 09:47:54 am »



Kia ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ EV6 รุ่นปรับโฉมปี 2025 ซึ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ในงาน LA Auto Show โดยทุกรุ่นมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอก ภายใน และเทคโนโลยีใหม่ ขณะเดียวกันก็กระทบกับราคาจำหน่ายที่ขยับสูงขึ้นตามมา



รุ่นเริ่มต้น EV6 Light มีราคาตั้งต้นที่ $42,900 (ประมาณ 1.59 ล้านบาท) ก่อนรวมค่าขนส่ง $1,475 ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้น $380 จากรุ่นก่อนหน้า ขณะที่รุ่นสูงสุดอย่าง EV6 GT ปรับราคาขึ้นถึง $2,200 ก่อนค่าขนส่ง

ดีไซน์ใหม่สะดุดตา ภายในปรับปรุงทันสมัยขึ้น
EV6 ใหม่โดดเด่นด้วยชุดไฟหน้าแบบ Star Map ซึ่งช่วยให้หน้ารถดูดูกว้างและทันสมัยมากขึ้น เสริมด้วยกันชนหน้าทรงใหม่ ฝากระโปรงปรับดีไซน์ และไฟท้ายแบบสามมิติพร้อมชุดแต่งรอบคันใหม่ รวมถึงล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 19-21 นิ้ว
ภายในยังคงกลิ่นอายเดิมไว้แต่เพิ่มรายละเอียดใหม่ เช่น พวงมาลัยทรงใหม่ คอนโซลกลางดีไซน์ปรับปรุง หน้าจอคู่ขนาด 12.3 นิ้ว เบาะหน้าแบบอุ่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual-zone พร้อมเบาะคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง และแท่นชาร์จมือถือไร้สาย



ขุมพลังใหม่พร้อมระบบชาร์จแบบ Tesla
EV6 ปี 2025 เปลี่ยนมาใช้มาตรฐานหัวชาร์จ North American Charging Standard (NACS) ทำให้สามารถใช้ Tesla Supercharger ได้โดยไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์

ในรุ่นพื้นฐาน EV6 Light ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าหลัง 167 แรงม้า ขณะที่รุ่น Light Long Range, Wind และ GT-Line มีทั้งขับเคลื่อนล้อหลัง (225 แรงม้า) และขับเคลื่อนสี่ล้อ (320 แรงม้า)



ส่วนรุ่น GT ตัวท็อป มาพร้อมพละกำลัง 601 แรงม้า และแรงบิด 545 lb-ft โดยเมื่อเปิด Launch Mode ตัวเลขเพิ่มเป็น 641 แรงม้า / 568 lb-ft เร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 3.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 259 กม./ชม.



วิ่งไกลขึ้นด้วยแบตเตอรี่ใหม่
EV6 ปี 2025 อัปเกรดชุดแบตเตอรี่จากขนาดเดิม 58 และ 77.4 kWh เป็น 63 และ 84 kWh ทำให้วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 231 – 319 ไมล์ (ประมาณ 372 – 513 กม.) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

ที่มา Carscoops
หน้า: [1] 2 3 ... 10