กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: [1] 2 3 ... 10
1
อีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่จะถูกติตตั้งในรถใหม่ของค่าย BMW ในกลุ่มรถที่ใช้แพลตฟอร์ม Neue Klasse ที่นอกจากเทคโนโลยีล้ำ ๆ มากมายแล้ว หนึ่งในไฮไลท์อยู่กับ หน้าจอ Head-Up Display แบบยาวใหม่ ที่เห็นครั้งแรกกันในรถต้นแบบ BMW i Vision Dee และจอใหม่นี้จะเข้าสู่สายการผลิตในปี 2025
โดยหน้าจอยาวใหม่นี้ BMW Panoramic Vision จะถูกนำไปใช้ในรถที่ใช้แพลตฟอร์ Neue Klasse รุ่นแรกที่กำลังจะมาถึง ควบคู่ไปกับวิวัฒนาการล่าสุดของระบบความบันเทิง BMW iDrive ลดการละสายตาจากถนน





และด้านของ Frank Weber สมาชิกคณะกรรมการการพัฒนาของ BMW AG กล่าวว่าระบบใหม่นี้จะเปิดโอกาสใหม่ ๆ สำหรับการออกแบบรถยนต์รุ่นใหม่ และไม่ว่าผู้ขับขี่จะตัดสินใจเองว่าข้อมูลใดที่พวกเขาต้องการให้แสดงในขอบเขตการมองเห็นของตนเอง หรือผู้โดยสารทุกคนสามารถเห็นเนื้อหาทั้งหมดได้ การฉายภาพที่ปฏิวัติวงการและห้องนักบินที่มีโครงสร้างชัดเจนยิ่งขึ้นให้ความรู้สึกใหม่ที่น่าประทับใจของพื้นที่และการขับขี่

2
Motor Zone / แอร์รถยนต์ไม่เย็น มีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 18-03-23, 09:23:26 am »
สิ่งจำเป็นในการใช้งานรถยนต์ทุกครั้ง ที่เราแทบจะขาดกันไม่ได้แล้วก็คืออุปกรณ์ปรับอากาศ หรือแอร์นั่นเอง ด้วยสภาพอากาศบ้านเราขนาดนี้ หากวันไหนเกิดแอร์ใช้ไม่ได้ รับรองว่ามีหัวร้อนกันเป็นทิวแถว แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่แอร์มันก็มีโอกาสที่จะไม่ทำงานตามปกติ และมาได้จากหลากหลายสาเหตุ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ลองมาดูกัน



ปุ่ม AC ปิดอยู่

ปัญหาเส้นผมบังภูเขา ที่ทำเอาหลายคนหัวร้อนไปตาม ๆ กัน เพราะอยู่ดี ๆ แอร์ในรถก็ไม่เย็นซะอย่างนั้น สิ่งแรกที่ควรดูก่อนเลยก็คือ สวิตช์ปุ่ม A/C (Air Conditioning) ว่ามันยังแสดงการทำงานตามปกติหรือเปล่า ส่วนใหญ่ถ้ามันทำงาน จะมีไฟติดแสดงผลเอาไว้อยู่ แต่ปุ่มนี้มันไม่ได้มีทุกคัน ถ้าคันไหนมีแล้วแอร์ไม่เย็น ให้ลองตรวจสอบปุ่มนี้ดูก่อนเลยครับ เราอาจจะเผลอไปกดมันโดยไม่รู้ตัวก็ได้



ตั้งอุณหภูมิสูงไป

ในที่นี้ ส่วนใหญ่ปัญหาจะมาจากในรุ่นที่ยังใช้การบิดปรับตัวระดับอุณหภูมิแบหมุนอยู่ เพราะแบบนี้จะไม่มีระบุอุณหภูมิเป็นตัวเลขอย่างชัดเจน โดยส่วนใหญ่แล้ว ก็จะมีการตั้งเอาไว้ที่ประมาณครึ่งหนึ่ง แต่บางทีถ้าเรารู้สึกหนาว ก็จะบิดให้มันน้อยลง หรือเพิ่มขึ้นเมื่อรู้สึกร้อน ดังนั้นสิ่งที่ควรตรวจสอบต่อมาเมื่อเรารู้สึกไม่เย็นย ก็คือเจ้าปุ่มนี้ล่ะครับ เพราะอาจจะมีการบิดตั้งให้มันน้อยลงโดยเราไม่ได้ตั้งใจก็ได้ครับ



แอร์ตัน

หลักการทำงานของแอร์ในรถยนต์ ก็คือการใช้พัดลมดูดเอาอากาศที่อยู่ภายในห้องโดยสาร ดึงเอามาเป่าผ่านแผงคอยล์เย็นที่มีน้ำยาแอร์วิ่งผ่าน ซึ่งแผงนี้จะมีความเย็นจัด เมื่อลมเป่าผ่านแล้ว ก็จะกลายเป็นอากาศเย็นเข้าไปที่ห้องโดยสารอีกครั้ง ซึ่งลมที่ดูดเข้ามานั้น ก็อาจจะมีฝุ่นละอองต่าง ๆ เข้ามาพร้อมด้วยกันได้เช่นกัน เจ้าฝุ่นละอองเหล่านี้ก็จะถูกเป่าแล้วไปติดฝังอยู่ที่แผงคอยล์เย็น ปกติแล้ว เราควรจะต้องล้างแอร์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้สิ่งสกปรกที่ติดอยู่ในแผงคอยล์เย็น ได้ถูกทำความสะอาดออกไป แต่ถ้าไม่ทำ เมื่อฝุ่นจับกันเป็นแผงหนา จนทำให้ลมไม่สามารถผ่านแผงคอยล์เย็นได้อย่างสะดวก ก็จะทำให้ลมที่เป่าออกมานั้นมีแรงลมน้อย ส่งผลให้เรารู้สึกไม่เย็นเมื่ออยู่ในรถได้ครับ



ระบบน้ำยาแอร์รั่ว

การทำงานของระบบแอร์รถยนต์ นั้น เป็นระบบปิด อาศัยการวิ่งไปตามท่อของน้ำยาแอร์เพื่อทำให้อากาศภายในห้องโดยสารเย็นได้ แต่เมื่อไหร่ที่ระบบมีการรั่ว จนทำให้น้ำยาแอร์นั้นระเหยออกไปสู่ภายนอกได้ เมื่อน้ำยาแอร์ไม่มี ก็ไม่มีสารมาช่วยทำความเย็นได้ แอร์ในรถถึงไม่เย็นให้เรา โดยส่วนใหญ่แล้ว จะมีการรั่วอยู่ 2 แบบคือ รั่วไปในครั้งเดียว โดยอาจจะมีการรั่วผ่านทางท่อน้ำยาแอร์ใต้ฝากระโปรง ส่วนใหญ่แล้วเราจะเห็นได้ด้วยตาตัวเอง ที่เหมือนมีควันขาวกระจายออกมาใต้ฝากระโปรงคล้ายไฟไหม้ แต่กระจายหายไปในทันที นั่นคืออาการของน้ำยาแอร์รั่ว อันนี้แก้ไม่ยาก เพราะเราจะเห็นเลยว่ารั่วตรงไหน เปลี่ยนตรงจุดนั้นแล้วอัดน้ำยาแอร์เข้าไปใหม่ ก็ใช้งานได้แล้ว แต่ถ้าเป็นการรั่วผ่านตามด หรือรอยรั่วเล็ก ๆ แบบมองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น อันนี้จะตรวจสอบยากกว่าแบบแรกครับ อาการก็คือมันจะเย็นน้อยลงทุกวัน ๆ จนสุดท้ายแล้วจะไม่เย็นเลย อาการนี้ให้เราสังเกตว่า ถ้าวันไหนเราเปิดแอร์แล้วเราได้ยินเสียงฉีดน้ำยาแอร์ดังในห้องโดยสารแถวหลังคอนโซล ประมาณ "ฟี๊ด ๆ" เริ่มจากเบา ก่อนจะค่อยดังมากขึ้นในแต่ละวัน แสดงว่าน้ำยาเริ่มทยอยรั่วออกแล้วครับ ต้องให้ช่างตรวจสอบให้ว่ารั่วจุดไหน (ส่วนใหญ่ที่พบคือคอยล์เย็นในห้องโดยสาร หรือคอยล์ร้อนที่หน้าเครื่องรั่ว) เปลี่ยนอุปกรณ์ตัวนั้นแล้วอัดน้ำยาแอร์เข้าไปใหม่ เป็นอันใช้งานได้เหมือนเดิม



สายพานแอร์หย่อน-ขาด

การทำงานของแอร์นั้น อาศัยกำลังของเครื่องยนต์ไปหมุนคอมเพรสเซอร์ที่ทำหน้าที่อัดน้ำยาแอร์เข้าไปที่ห้องโดยสาร เพื่อทำให้แอร์ปรับอากาศให้เย็นได้ แต่เมื่อไหร่ที่คอมเพรสเซอร์ไม่สามารถหมุนได้เต็มที่ หรือหมุนไม่ได้ มาจากสาเหตุหลักคือตัวสายพานแอร์หย่อนหรือขาด ถ้าสายพานแอร์หย่อน แอร์จะเย็นน้อย แต่ไม่เพียงพอทำให้เย็นเพียงพอได้ แต่ถ้าไม่เย็นเลย แสดงว่าสายพานขาด ต้องเปลี่ยนเป็นเส้นใหม่ถึงจะกลับมาเย็นตามปกติครับ



คอมเพรสเซอร์ล้า

คอมเพรสเซอร์คืออุปกรณ์หลักที่ทำให้แอร์ในรถเย็นได้ แต่มันก็มีอายุการใช้งานของมันอยู่ เมื่อไหร่ที่ผ่านการใช้งานไปเป็นเวลานาน ก็อาจจะมีอาการคอมเพรสเซอร์ล้าได้ อาการก็คือมันไม่สามารถฉีดน้ำยาแอร์เข้าไปวิ่งในระบบได้มากเพียงพอ จึงไม่สามารถสร้างความเย็นภายในตัวรถได้เพียงพอ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ววิธีการแก้ไขก็คือ การเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ลูกใหม่ จะเป็นการเปลี่ยนแบบลูกใหม่ป้ายแดง, คอมบิวท์ (คอมเก่ามาซ่อมใหม่) หรือคอมมือ 2 ก็แล้วแต่งบประมาณของแต่ละคน แต่ก็มีช่างบางคนก็สามารถซ่อมให้ใช้งานได้ ถ้าเจอปัญหานี้ก็ลองปรึกษากับทางร้านซ่อมดูครับ



พัดลมแอร์หน้าเครื่องไม่ทำงาน

เมื่อน้ำยาแอร์วิ่งผ่านมาที่คอยล์เย็นแล้วถูกพัดลมเป่าผ่านไปแล้ว ตัวอุณหภูมิของน้ำยาจะสูงขึ้น ต้องผ่านกระบานการลดอุณหภูมิก่อนที่จะถูกอัดกลับเข้าไปใหม่ ด้วยการเอาไปวิ่งผ่านที่คอยล์ร้อนที่เป็นแผงคล้ายหม้อน้ำ ติดอยู่ในใต้กระโปรงหน้าแถวหน้ารถ เมื่อน้ำยาวิ่งผ่านคอยล์ร้อน จะมีพัดลมทำหน้าที่เป่าผ่านคอยล์ร้อนเพื่อให้อุณหภูมิของน้ำยาแอร์ลดลง เพื่อให้สามามรถนำกลับไปวนกระบวนการสร้างความเย็นได้ใหม่ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พัดลมตัวนี้ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพหรือไม่ทำงาน น้ำยาแอร์ก็จะไม่สามารถลดอุณหภูมิลงได้ คอมเพรสเซอร์ก็ไม่สามารถทำให้น้ำยาแอร์เย็นได้มากพอเมื่ออัดกลับเข้าไปที่คอยล์เย็น ห้องโดยสารก็จะร้อนขึ้นทันที วิธีการเดียวที่แก้ไขได้คือ เปลี่ยนพัดลมตัวใหม่ครับ

จริง ๆ แล้วสาเหตุที่แอร์รถไม่เย็น ยังสามารถมีได้อีกหลายอย่าง เช่น ไดเออร์ตัน, วาล์วเสีย, สวิตช์ความเย็นเสีย, ฟิวส์คอมเพรสเซอร์ขาด เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่แล้ว จะมาจากที่กล่าวมาเบื้องต้นมากกว่า ดังนั้นให้ลองตรวจสอบสาเหตุโดยเบื้องต้นก่อน ถ้าสาเหตุมาจากอุปกรณ์เสีย ก็ต้องเข้าอู่หรือศูนย์บริการให้ตรวจสอบและแก้ไขให้นะครับ
3
แน่นอนว่าทางเลือกสำหรับคนที่อยากได้รถที่ต้องการซักคัน แต่เงินในมือกลับไม่สามารถถอยแบบป้ายแดงได้ ก็ต้องเลือกกันแบบรถยนต์มือ 2 ที่ราคาต่างจากรถป้ายแดงแบบมากมาย แต่คุณภาพที่ได้อาจจะไม่ได้แย่ไปตามราคาที่ลดลงมา ทาง Autodeft ก็เคยแนะนำวิธีเลือกซื้อและลองรถยนต์มือ 2 ไปบ้างแล้ว วันนี้จะขอแนะนำกันต่อว่า เมื่อตัดสินใจเลือกซื้อและได้รถยนต์มือ 2 มาครอบครองแล้ว สิ่งต่อไปที่ควรจะต้องทำหลังจากได้รับรถมาแล้วมีอะไรบ้างครับ



เปลี่ยนกุญแจประตู

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มากๆ ที่ควรต้องทำอย่างแรก ถ้าเราไม่ได้ซื้อมาจากคนรู้จัก เราก็ไม่มีทางรู้ได้หรอกว่า คนที่ขายเรามานั้นจะเป็นคนดีหรือคนร้าย ถ้าเขาดันปั๊มกุญแจรถที่ตอนนี้เป็นของเราเอาไว้ แล้ววันหนึ่งเขาก็แอบมาไขรถแล้วเอาไปโดยที่เราไม่รู้ตัว เราก็ต้องผ่อนกุญแจกันต่อไปอย่างเศร้าใจ ดังนั้นลงทุนซักนิดในการเปลี่ยนกุญแจประตู ก็จะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องนี้ได้ทันทีครับ



เปลี่ยนถ่ายของเหลวในรถทั้งหมด

ของเหลวในที่นี้ยกเว้นเพียงน้ำมันเชื้อเพลิงเพียงอย่างเดียวที่ไม่ต้อง ที่เหลือควรเปลี่ยนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเฟืองท้าย หรือแม้กระทั่งน้ำยาหม้อน้ำก็เปลี่ยนให้หมด เพราะเราไม่รู้หรอกว่าเจ้าของเก่าเคยเปลี่ยนไว้เมื่อไหร่ เมื่อของเหลวเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานตามระยะทาง ดังนั้นเรามาเริ่มนับ 1 กันใหม่ในมือเราดีกว่าครับ



เปลี่ยนสายพานไทม์มิ่ง

ปกติแล้วอายุการใช้งานของสายพานไทม์มิ่งจะอยู่ที่ประมาณ 100,000 กิโลเมตร ถ้าบังเอิญว่ารถมือ 2 ที่เราซื้อมามีเลขไมล์ที่เกินกว่านี้แล้ว และไม่มีบันทึกการเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่งจากศูนย์บริการมา เราก็ตัดใจเปลี่ยนดีกว่าครับ เพราะถ้าวันไหนเกิดซวยมันขาดขึ้นมา คราวนี้เรื่องใหญ่ถึงเปลี่ยนเครื่องได้เลยครับ แต่ถ้ารถรุ่นไหนใช้โซ่ ก็ไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้ครับ



เข้าอู่เช็คระบบไฟ

ระบบไฟในรถยนต์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบ และเราเองก็คงไม่สามารถตรวจสอบด้วยตัวเองขณะเลือกซื้อรถมือ 2 ได้ ดังนั้นเมื่อได้รถมาแล้ว การนำรถไปตรวจสอบระบบไฟทั้งหมดบนเราคันใหม่ของเรา (คันเก่าของคนอื่น) ก็สำคัญไม่น้อยเช่นกัน ป้องกันการรวนของระบบในรถยนต์ทั้งหมดที่ใช้ไฟฟ้าครับ



ล้าง, ทำความสะอาดให้เกลี้ยง

ในที่นี้หมายถึงล้างทั้งภายนอกและทำความสะอาดภายในอย่างละเอียด เพราะคนที่จะขายรถส่วนใหญ่แล้วจะทำการล้างเฉพาะในจุดที่คนซื้อจะมองเห็น และภายในก็จะใช้การฉีดน้ำหอมเพื่อกลบกลิ่นเท่านั้น ดังนั้นเมื่อรับรถมาแล้ว ก็ควรจะล้างแบบอัดฉีดทุกซอกมุมที่ภายนอก ส่วนภายในควรจะซักเบาะ, อบโอโซน หรืออื่นๆเพื่อกำจัดกลิ่นและเชื้อโรคต่างๆที่อาจจะสะสมอยู่ภายในเบาะและพรม รวมถึงแอร์ก็ควรถอดออกมาล้างเช่นกันครับ



ตรวจสอบชิ้นส่วนที่เป็นยาง

ชิ้นส่วนพวกนี้อาจจะยังไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้ แต่ต้องสำรวจด้วยสายตาก่อน อย่างเช่นยางรถยนต์, ท่อยางน้ำระบายความร้อน, สายพานแอร์ ถ้าดูแล้วมีการเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว ก็ควรเปลี่ยนไปซะเลย เพื่อป้องกันการเสียหายที่มากขึ้นเมื่อมันเกิดเสียหายขึ้นมาครับ

อาจจะดูเยอะแยะไปหมด และต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าที่จะได้ใช้รถมือ 2 ที่เราซื้อมา แต่ถ้าเรายอมเสียเงินและเวลากับส่วนนี้ซักหน่อย มันก็จะช่วยให้รถคันนี้ อยู่กับเราได้นานกว่าที่เราไม่ทำอะไรเลยแน่นอนครับ
4
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • Mind •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 18-03-23, 09:18:55 am »














Model : Mind Varunrapat
Photographer : ZinyoR
5
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • Fah •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 18-03-23, 09:13:51 am »


















Model : Pimlita Jitaree
Photographer : ZinyoR
6
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • อาย •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 18-03-23, 09:04:57 am »











Model : อิสรีย์ สิริหิรัญนันทน์
Photographer : Zinyor
7


เปิดราคาพ่อใหญ่ขาซิ่ง BMW XM ใหม่สาย SUV ในราคาเบา ๆ เพียง 14,899,000 บาท

บีเอ็มดับเบิ้ลยู ได้ทำการเปิดตัวรถใหม่ BMW XM พ่อใหญ่ขาซิ่งตัวแรง 653 แรงม้า ในราคากระเป๋าเบาเพียง 14,899,000 บาท มีโควต้าให้สั่งเพียงหลักร้อยคันเท่านั้น



BMW XM ใหม่ โดดเด่นด้วยการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวและหรูหรา มาพร้อมสัดส่วนไดนามิกปราดเปรียวและรูปลักษณ์ที่โดดเด่น เค้าโครงทันสมัยของรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์สะดุดตาด้วยองค์ประกอบการออกแบบสไตล์ M มอบความรู้สึกแข็งแกร่งดุดันเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจให้กับตัวรถ ด้านหน้าของBMW XM แตกต่างด้วยไฟหน้าแบบแยกส่วน กระจังหน้าทรงไตคู่แบบ ‘Iconic Glow’ ที่มาพร้อมไฟส่องสว่างแบบต่อเนื่อง ไฟหน้า Adaptive LED อัจฉริยะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยและมอบแสงสว่างบนท้องถนนตลอดจนช่วงเข้าโค้งได้ดียิ่งขึ้น ระบบปรับการทำงานไฟสูงช่วยเปิดและปิดไฟสูงโดยอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนหรือมีรถด้านหน้า ส่วนบริเวณด้านข้างมีแถบสีที่ชวนให้นึกถึงรถยนต์BMW M1 ทำให้รถดูโดดเด่นยิ่งขึ้น นอกจากนี้การออกแบบของBMW XM ยังรวมเอาคุณลักษณะต่าง ๆ ที่ทำให้นึกถึงอดีตไม่ว่าจะเป็น โลโก้ BMW ที่กระจกหลังหรือไฟท้ายทรงเรียว BMW XM ยังสะดุดตายิ่งกว่าใครด้วยล้ออัลลอย M น้ำหนักเบา ขนาด 23 นิ้ว ลาย star spoke แบบสลับสี ซึ่งติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน



BMW XM ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 8 สูบ ขนาด 4.4 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW M TwinPower Turbo ล้ำสมัย ระบบขับเคลื่อน M HYBRID ที่ติดตั้งมาในรถยนต์รุ่นนี้ช่วยเสริมประสิทธิภาพและสมรรถนะของรถโดยไม่ก่อให้เกิดมลพิษเมื่อโลดแล่นบนท้องถนน โดยระบบขับเคลื่อน M HYBRID ในรถยนต์BMW XM ให้กําลังรวมสูงสุดที่ 480 กิโลวัตต์ / 653 แรงม้า ที่แรงบิดรวมสูงสุด 800 นิวตันเมตร ด้านเครื่องยนต์สันดาปให้พละกำลังสูงสุดที่ 360 กิโลวัตต์ / 489 แรงม้า ที่ 5,400 – 7,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 5,000 รอบต่อนาที ในขณะที่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์สูงถึง 145 กิโลวัตต์ / 197 แรงม้า ให้แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 280 นิวตันเมตร นอกจากนี้ ผู้ขับขี่สามารถเลือกกดปุ่ม M Hybrid ที่คอนโซลกลางเพื่อเข้าโหมดใดโหมดหนึ่งจากทั้งหมด 3 โหมด รวมถึงโหมดการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า 100% สำหรับการขับขี่ที่ปลอดมลพิษด้วยความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้าสูงสุด 98 กิโลเมตร อ้างอิงตามมาตรฐานการทดสอบ NEDC โดยใช้พลังงานจาก ลิเธียม-ไอออนแบตเตอรี่ขนาด 29.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ที่ติดตั้งอยู่ด้านใต้ท้องรถ เร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 4.3 วินาที สู่ความเร็วสูงสุดที่ 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ 4 ล้อ M xDrive ที่ติดตั้งในBMW XM ใหม่ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าแรงทั้งหมดจะถูกส่งไปยังถนนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยยกระดับไดนามิกการขับขี่ให้เหนือชั้นยิ่งขึ้น ระบบเฟืองท้าย M Sport ยังช่วยเสริมสมรรถนะของรถโดยกระจายกำลังขับเคลื่อนระหว่างล้อหลัง ช่วงล่าง Adaptive M Suspension Professional มอบการควบคุมแบบสปอร์ตโดยไม่ลดทอนความสะดวกสบายแก่ผู้ขับ นอกจากนี้ ระบบช่วยการขับขี่ รุ่น Professional พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Stop&Go ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาความเร็วของรถในระดับที่ต้องการและคงระยะห่างจากรถคันหน้าให้สม่ำเสมอเท่านั้น แต่ยังช่วยให้รถยนต์อยู่ในเส้นทางอย่างคงที่ด้วยระบบบังคับพวงมาลัย เพื่อความสะดวกสบายที่เหนือกว่าระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus ยังช่วยให้การจอดรถและการบังคับรถทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย



ระบบ Teleservices และปุ่มโทรออกฉุกเฉิน รับประกันว่าผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะได้รับความช่วยเหลืออย่างมืออาชีพในทุกสถานการณ์ฉุกเฉินไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ ระบบ Active Protection ยังถูกติดตั้งมาเพื่อช่วยให้สามารถควบคุมการขับขี่ได้ดีขึ้นและช่วยตรวจจับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการขับขี่ ระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้างและระบบปกป้องคนเดินถนนเมื่อเกิดอุบัติเหตุยังช่วยลดความเสี่ยงให้กับคนเดินถนนที่อยู่ใกล้เคียงกับรถยนต์ได้อีกด้วย



ภายในตกแต่งดีไซน์ M ด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ขณะที่พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M และเข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M ให้ความรู้สึกสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวในการขับขี่ นอกจากนี้ผ้าบุหลังคายังเป็นเสมือนงานประติมากรรม 3 มิติ ลวดลายแบบปริซึมและเมื่อเปิดไฟ Ambient Light ก็จะพบกับหลอดไฟ LED กว่า 100 ดวงบนหลังคาที่ส่องสว่างอย่างงดงามยามค่ำคืน คอนโซลด้านบนยังบุด้วยหนังแบบ BMW Individual ทำให้การตกแต่งภายในดูสะดุดตาและหรูหราไปอีกขั้น ชุดไฟส่องสว่างภายในและภายนอกห้องโดยสาร ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน ระบบระบายอากาศและฟังก์ชันนวดผ่อนคลายสําหรับเบาะนั่งตอนหน้า ยังถูกติดตั้งมาเป็นมาตรฐานในรถยนต์รุ่นนี้เช่นกัน



BMW XM ใหม่ ยังได้รับการพัฒนาด้านระบบความบันเทิงและการสื่อสารให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยมาพร้อมจอ BMW Head-up Display และระบบ BMW Live Cockpit Professional แสดงผลบนจอ Control Display ขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานบนระบบปฎิบัติการ BMW Operating System 8 ใหม่ล่าสุด ที่ปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้น ระบบจำลองเสียงเครื่องยนต์ IconicSounds Electric ให้เสียงขับที่กระตุ้นความตื่นเต้นแม้ในโหมดการขับขี่แบบไร้มลพิษ นอกจากนี้ ระบบเสียงรอบทิศทาง Bowers & Wilkins Diamond ยังมอบสุนทรียภาพแห่งเสียงที่ชวนดื่มด่ำแบบเต็มขั้นด้วยลำโพงขนาด 1,475 วัตต์ และลำโพงพิเศษอีกสี่ตัวบริเวณหลังคา นอกจากนั้น ผู้ขับขี่ยังจะได้รับประโยชน์จาก Connected Package Professional ซึ่งช่วยให้ผู้ขับมั่นใจว่าจะได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและข้อมูลการจราจรอัปเดตล่าสุดเมื่ออยู่บนท้องถนน



บีเอ็มดับเบิ้ลยู ได้ทำการเปิดราคาจำหน่ายอย่างเป้นทางการในประเทศไทยเอาไว้ที่ 14,899,000 บาท โดยรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard เอาไว้แล้ว และในประเทศไทยมีโควต้าสั่งได้เพียงหลักร้อยคันเท่านั้น ใครที่สนใจอยากเป็นเจ้าของเอาไว้ขับเล่นเย็น ๆ ใจ คงต้องรีบสั่งให้ไวกว่าคนอื่นเขาหน่อย
8


ข้อมูลเผยรถไฟฟ้าไม่สามารถดึงดูดผู้ซื้อที่เป็นผู้หญิงได้ในสหรัฐอเมริกา

ข้อมูล่าสุดเผยว่ารถไฟฟ้าในตอนนี้ยังไม่สามารถดึงดูดผู้ซื้อที่เป็นผู้หญิงได้ในสหรัฐอเมริกา โดยค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมสำหรับผู้ซื้อรถยนต์คือผู้หญิง 41.2% แต่เปอร์เซ็นต์นี้ลดลงเหลือ 28% สำหรับรถยนต์ที่มีระบบส่งกำลังไฟฟ้าหรือรถไฟฟ้าที่ดูเหมือนว่ากำลังเป็นกระแสไปทั่วโลก
จากข้อมูล S&P Global Mobility สำหรับการจดทะเบียนรถยนต์ในปี 2022 เผยว่าเทสลาเป็นตัวแทนผู้ซื้อรถยนต์ที่เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในบรรดาบริษัทสตาร์ทอัพรถไฟฟ้า EV โดยมีสัดส่วนสูงกว่าค่าเฉลี่ย 33.1% ตามมาด้วย Polestar เป็นอันดับสองด้วย ที่ 24.7% ตามด้วย Lucid 19.5% และ Rivian ที่มีผู้ซื้อเพศหญิงต่ำเพียง 14.5%



ซึ่งตัวเลขเหล่านี้เทียบได้กับแบรนด์รถกระบะที่เน้นเพศชาย เช่น Ram และ GMC แบรนด์เดียวที่มีกลุ่มผู้ซื้อเพศชายมากกว่า Rivian คือผู้ผลิตรถซูเปอร์คาร์อย่าง Bugatti และ McLaren เมื่อมองดูเฉพาะที่ส่วนของค่าย Rivian ที่เป็นบริษัทสตาร์ทอัพรถไฟฟ้า EV เพียงรายเดียวที่มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เน้นแต่รถกระบะ

ก็อาจพออธิบายได้ว่าผู้ซื้อที่เป็นผู้หญิงมีจำนวนน้อยเนื่องจากไม่ใช่รถกกลุ่มที่ต้องการ หรือแม้แต่ Tesla Model Y ซึ่งเป็นรถในกลุ่มที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้หญิง ก็ยังดึงดูดได้ไม่ดีนักในเรื่องนี้ โดยมีผู้ซื้อเป็นผู้หญิง 35%



โดยด้านของ Marc Bland ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความหลากหลายแห่ง S&P Global Mobility ยอมรับว่าข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดคำถาม เขาตั้งข้อสังเกตว่าผู้หญิงมีความกังวลเกี่ยวกับความวิตกกังวลและความปลอดภัยมากกว่าผู้ชาย ซึ่งบ่งชี้ว่าแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจำเป็นต้องให้ความรู้มากขึ้น ในแง่นั้น
9


ล่าสุดค่ายรถยนต์ Nissan ได้ออกมาประกาศว่าพวกเขากำลังทดสอบรถบรรทุกขนส่งไฟฟ้า Class 8 จำนวน 2 คันในแคลิฟอร์เนียในฐานะรถลาก ตั้งเป้าเพื่อสำรวจการใช้งานรถบรรทุกไฟฟ้าในวงกว้างขึ้นในอุตสาหกรรม
สำหรับรถบรรทุกขนส่งไฟฟ้าสองคันนี้ โดย Kenworth และอีกคันโดย Nikola บริษัทสตาร์ทอัพ กำลังถูกใช้ทดสอบเพื่อขนส่งรถยนต์ Nissan จากท่าเรือลอสแองเจลิสไปยังตัวแทนจำหน่ายในบริเวณใกล้เคียง เมื่อเร็ว ๆ นี้ รถบรรทุกไฟฟ้าได้รับการทดสอบโดยการส่งมอบรถยนต์หลายคัน ซึ่งรวมถึง Nissan Ariya ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ให้กับ Downey Nissan ในแคลิฟอร์เนีย



ด้านของ Chris Styles รองประธานฝ่ายการจัดการซัพพลายเชนของ Nissan North America กล่าวว่า "การสำรวจการใช้รถบรรทุกไฟฟ้า BEV ในการส่งมอบรถใหม่เป็นก้าวสำคัญในการเดินทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในธุรกิจของเรา" เรากำลังแสดงจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมของเราและวางตำแหน่งตัวเองเพื่อให้บรรลุเป้าหมายระยะยาวของเราสำหรับการขนส่งที่ปล่อยไอเสียจากท่อไอเสียเป็นศูนย์”



และจากการทดสอบนี้ได้ถูกนำไปปฏิบัติแล้ว เนื่องจากมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนรถบรรทุกไฟฟ้าที่ใช้ในพื้นที่ลอสแองเจลิส โดยผู้ผลิตรถยนต์รายนี้กำลังสำรวจความเป็นไปได้ในการใช้รถบรรทุกไฟฟ้าในสถานการณ์ด้านลอจิสติกส์เพิ่มเติมที่หลากหลายในอนาคตอันใกล้นี้

การดำเนินกานครั้งนี้นับเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของนิสสัน เพื่อการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนตลอดการดำเนินงานภายในปี 2050 รวมถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากการเพิ่มรถไฟฟ้า EV ในกลุ่มผลิตภัณฑ์แล้ว Nissan ยังมุ่งแสวงหาวิธีการทางโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

10
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • ฝ้าย •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 04-03-23, 09:12:21 am »













Model : Faii Amonrada
Photographer : Sansern Prakonsin
หน้า: [1] 2 3 ... 10