กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 10
11
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • Nicha •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 13-10-25, 08:28:48 pm »












Model : Nicha Nicha
Photographer : Psk Photott
12
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • Ivy •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 13-10-25, 08:27:00 pm »















ช่างภาพ : Psk Photott
นางแบบ : Ivy Kanoknuch
13
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • Mild •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 29-09-25, 10:03:54 pm »








Model : Mildsasi
Photo : Artwha Desu
14
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • พราว •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 29-09-25, 09:57:45 pm »













นางแบบ : พราว เวอร์
ช่างภาพ : Psk Photott
15
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • Faii •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 29-09-25, 09:54:56 pm »















Model : Saranya Sonpha
Photographer : Mroun Worrawat
16
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • เชอร์รี่ •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 29-09-25, 09:52:09 pm »











นางแบบ : ลฎาภา รัชตะอมรโชติ
ช่างภาพ : ปวีณ กุลเกษม
17


ฟอร์ดกำลังเผชิญกับวิกฤติในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทวีปยุโรปอย่างหนัก หลังจากยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Capri และ Explorer ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ส่งผลให้บริษัทเตรียมปรับลดจำนวนพนักงานที่โรงงานผลิตในเมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี โดยคาดว่าจะมีพนักงานมากถึง 1,000 คนต้องออกจากงานจากทั้งหมด 4,090 คน ซึ่งถือเป็นการปรับลดกำลังคนมากถึงประมาณ 25%



รถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Capri และ Explorer ที่วางจำหน่ายในยุโรปนั้น พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานเดียวกับ Volkswagen ID.4 และ ID.5 ซึ่งแม้จะมีการปรับดีไซน์ใหม่ให้เป็นสไตล์ของฟอร์ด แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเท่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในกลุ่มของ Capri ที่ดูเหมือนจะไม่ตอบโจทย์ตลาดเท่าไหร่นัก

ฟอร์ดออกแถลงการณ์ระบุว่า ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรปต่ำกว่าที่อุตสาหกรรมคาดการณ์ไว้มาก ขณะเดียวกันยังต้องเผชิญกับข้อจำกัดหลายด้าน ทั้งกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับชาร์จไฟที่ยังไม่เพียงพอ รวมถึงการที่หลายประเทศเริ่มลดหรือยกเลิกเงินอุดหนุนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ต้นทุนของผู้บริโภคสูงขึ้น และความน่าสนใจลดลง



จากปัญหาทั้งหมดนี้ โรงงานฟอร์ดที่โคโลญจน์จะลดการผลิตลงเหลือเพียงหนึ่งกะต่อวัน เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้า และจะมีการเสนอแผนให้ออกจากงานโดยสมัครใจหรือรับเงินชดเชย อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความกังวลว่าพนักงานบางส่วนจะถูกเลิกจ้างโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

สถานการณ์นี้นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่สะท้อนถึงความไม่แน่นอนของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรป และเป็นอีกครั้งที่พนักงานต้องเป็นผู้รับผลกระทบจากการตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูง

ที่มา Carscoops
18


หลังจากคว้าชัยในหลายคดีความเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยขับขี่ Autopilot และ Full Self-Driving (Supervised) มาโดยตลอด ล่าสุด Tesla ต้องเผชิญกับคำตัดสินที่อาจเปลี่ยนทิศทางของกฎหมายด้านความปลอดภัยบนท้องถนน เมื่อคณะลูกขุนในรัฐฟลอริดาตัดสินให้บริษัทต้องจ่ายค่าชดเชยรวมกว่า 329 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากอุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นในปี 2019



เหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ Naibel Benavides Leon วัย 22 ปี ซึ่งเสียชีวิตหลังจากรถ Tesla Model S ปี 2019 พุ่งชนเข้ากับรถ Chevrolet Tahoe ที่จอดอยู่ในไมอามี-เดด ขณะที่คนขับรถ Tesla คือ George McGee ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของเธอ ยอมรับว่าเขาทำโทรศัพท์ตกและละสายตาจากถนน พร้อมทั้งเชื่อว่ารถจะเบรกเองโดยอัตโนมัติ

แม้ McGee จะยอมรับว่าประมาทและไว้ใจระบบมากเกินไป แต่คณะลูกขุนยังคงตัดสินว่า Tesla มีส่วนรับผิดชอบ 33% จากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยสั่งให้จ่ายเงินชดเชยความเสียหาย 42.5 ล้านดอลลาร์ และเงินลงโทษเพิ่มเติมอีก 200 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก

Tesla แย้งว่าความผิดทั้งหมดอยู่ที่ McGee โดยระบุว่าเขา “ละเลยความปลอดภัยอย่างร้ายแรง” และเมินคำเตือนจากระบบ รวมถึงการกดคันเร่งเอง ซึ่งเป็นการสั่งให้รถเร่งความเร็วโดยตรง และระบบ Autopilot ไม่สามารถแทรกแซงได้ในกรณีเช่นนี้ บริษัทจึงยื่นคำร้องขอให้ศาล เปิดการพิจารณาคดีใหม่ หรืออย่างน้อยให้ลดจำนวนเงินชดเชยที่ถูกตัดสิน

Tesla ชี้ว่าหากคำตัดสินนี้ยังคงมีผล จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยกล่าวในเอกสารยื่นต่อศาลว่า “การลงโทษผู้ผลิตที่พัฒนาระบบความปลอดภัยล้ำหน้าเพียงเพราะมีผู้ใช้ที่ใช้มันอย่างผิดวิธี จะยับยั้งนวัตกรรมและอาจคร่าชีวิตผู้คนมากขึ้นในอนาคต”

ประเด็นที่ซับซ้อนในคดีนี้อยู่ที่ ชื่อและการตลาดของระบบ Autopilot ว่าทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดเกี่ยวกับขีดความสามารถของระบบหรือไม่ แม้ Tesla จะมีคำเตือนชัดเจนให้ผู้ขับขี่จับพวงมือตลอดเวลาและไม่ละสายตาจากถนน แต่คำว่า "Autopilot" เองก็อาจเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ขับขี่บางรายไว้วางใจระบบมากเกินไป

คำตัดสินในคดีนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อ Tesla เท่านั้น แต่ยังอาจเป็น จุดเปลี่ยนสำคัญของแนวทางกฎหมายเกี่ยวกับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และความรับผิดชอบร่วมระหว่างผู้ผลิตกับผู้ขับขี่ในยุคของเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว

ที่มา Carscoops
19


Xpeng แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำจากจีน กำลังเดินเกมใหม่ด้วยการเปลี่ยนรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเรือธงให้กลายเป็นรถไฮบริดแบบ Range-Extender โดยเปิดตัว Xpeng X9 รุ่นใหม่ล่าสุดที่สามารถวิ่งได้ไกลถึงเกือบ 1,600 กิโลเมตรต่อการเติมเชื้อเพลิงและชาร์จไฟหนึ่งรอบ ถือเป็นการผสานเทคโนโลยี EV และเครื่องยนต์สันดาปเข้าด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์ตลาดที่ต้องการระยะทางการใช้งานที่ยาวขึ้น



Xpeng X9 EREV (Extended-Range Electric Vehicle) ใช้พื้นฐานจากแพลตฟอร์ม SEPA 3.0 หรือชื่อภายในว่า Kunpeng AI ซึ่งเป็นโครงสร้างที่เปิดโอกาสให้ใส่ระบบขยายระยะทางเข้าไปในรถ EV เดิม โดยไม่ต้องออกแบบใหม่ทั้งหมด สำหรับรุ่น X9 EREV นี้มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 63.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งถือว่าใหญ่กว่ารถ EV หลายรุ่นในตลาดขณะนี้ และมีขนาดใกล้เคียงกับ Zeekr 9X PHEV ที่ใช้แบตเตอรี่ 70 kWh

ข้อมูลจากกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน (MIIT) ระบุว่า X9 EREV จะสามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 450 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC ของจีน ขณะที่ระบบขับเคลื่อนเสริมจะใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลัง 148 แรงม้า รวมแล้วรถสามารถวิ่งได้ระยะไกลสูงสุดถึง 1,600 กิโลเมตร โดยไม่ต้องเติมน้ำมันหรือชาร์จไฟเพิ่มเติม



ความน่าสนใจของ Xpeng X9 EREV ยังอยู่ที่มิติของตัวรถซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม MPV ขนาดใหญ่ โดยมีน้ำหนักตัวถึง 2,750 กิโลกรัม ความยาว 5,316 มม. ความกว้าง 1,988 มม. และสูง 1,785 มม. ซึ่งใหญ่กว่ารุ่นไฟฟ้าล้วน X9 EV ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ทาง Xpeng ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลกำลังรวมของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าร่วมกับเครื่องยนต์ ทำให้ยังไม่ทราบค่าพละกำลังและแรงบิดรวมของรถในตอนนี้

Xpeng เผยว่าได้ทำการทดสอบ X9 EREV ในหลากหลายสภาพแวดล้อม รวมถึงทะเลทรายอันโหดร้าย ซึ่งแม้จะไม่ใช่เส้นทางที่เจ้าของรถทั่วไปจะเดินทางไป แต่เป็นบทพิสูจน์ว่ารถคันนี้ผ่านการทดสอบสมรรถนะมาอย่างเข้มข้นแล้ว โดยทางบริษัทยังระบุว่าได้ทำการทดสอบในอีกกว่า 330 เมืองทั่วโลกใน 19 ประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมก่อนวางจำหน่ายจริง

รายละเอียดราคาและวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Xpeng X9 EREV จะมีการประกาศในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ โดยการมาของรุ่นนี้นับเป็นการพลิกเกมของ Xpeng ที่เคยเน้นเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าล้วน มาสู่การเปิดตลาดไฮบริดระยะไกล ที่อาจเปลี่ยนภาพรวมของตลาด EV ในจีนและทั่วโลกในอนาคตอันใกล้

ที่มา Carscoops
20


Toyota ยังคงเดินหน้ารุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีนอย่างจริงจัง ล่าสุดเผยโฉม Toyota bZ7 ซีดานไฟฟ้าระดับเรือธงรุ่นใหม่ที่พัฒนาร่วมกับพันธมิตร GAC พร้อมดีไซน์ล้ำสมัย ขนาดตัวรถใหญ่เทียบชั้น Tesla Model S และมาพร้อมเทคโนโลยีที่น่าจับตามอง แม้จะยังไม่มีแผนวางจำหน่ายนอกประเทศจีน แต่การมาถึงของ bZ7 ก็เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า Toyota เริ่มเปิดเกมรุกเต็มที่ในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า



ตัวรถได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยมีเส้นสายที่เฉียบคม ตัวถังทรงเตี้ยเน้นความปราดเปรียว มาพร้อมไฟหน้าแบบลากยาวทรงคล้ายก้ามกุ้ง เสริมด้วยเส้นไฟคาดหน้ารถ เส้นสายด้านข้างเรียบหรูพร้อมมือจับแบบซ่อนฝัง เส้นหลังคาลาดเอียงต่อเนื่องไปยังฝากระโปรงท้ายทรงสั้น สะท้อนภาพลักษณ์ของซีดานไฟฟ้าระดับพรีเมียมได้อย่างชัดเจน มิติตัวถังของ bZ7 อยู่ที่ความยาว 5,130 มม. กว้าง 1,965 มม. สูง 1,506 มม. และมีระยะฐานล้อ 3,020 มม. ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับ Tesla Model S, BYD Han L และ BMW i5

ระบบขับเคลื่อนของ bZ7 ใช้แบตเตอรี่ชนิดลิเทียม-ไอออนฟอสเฟตจาก CALB-Tech โดยขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 278 แรงม้า ซึ่งถือว่าให้สมรรถนะที่น่าสนใจแม้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของความจุแบตเตอรี่หรือระยะทางขับขี่ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือการที่ Toyota เลือกใช้ชุดขับเคลื่อนแบบบูรณาการจาก Huawei ที่รวมมอเตอร์, MCU และอินเวอร์เตอร์ไว้ในยูนิตเดียว พร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ HarmonyOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการในรถยนต์ของ Huawei เอง



นอกจากนี้ bZ7 ยังเชื่อมต่อกับระบบนิเวศอัจฉริยะของ Xiaomi ได้อย่างไร้รอยต่อ เจ้าของรถสามารถควบคุมอุปกรณ์ในบ้าน เช่น เครื่องปรับอากาศ หรือสมาร์ทดีไวซ์อื่น ๆ ผ่านหน้าจอของตัวรถโดยตรง ถือเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือข้ามอุตสาหกรรมที่สะท้อนทิศทางใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าในจีน ที่ไม่ได้เน้นแค่การขับขี่ แต่ยังเป็นศูนย์กลางของชีวิตดิจิทัล

แม้ Toyota ยังไม่ยืนยันแผนการทำตลาด bZ7 นอกประเทศจีน แต่ด้วยขนาดตัวรถและแนวโน้มความต้องการรถยนต์ซีดานขนาดใหญ่ในบางประเทศ มีความเป็นไปได้ว่าอาจมีการส่งออกในตลาดเฉพาะกลุ่มในอนาคต สำหรับรายละเอียดด้านราคาและสเปกเต็มรูปแบบ คาดว่าจะมีการเปิดเผยเพิ่มเติมก่อนการวางจำหน่ายจริงในช่วงปลายปี 2025 นี้

https://cf.autodeft2.pw/content/20250916/toyota-bz7-china-9-1536x864-4O9CKc.webp

ที่มา Carscoops
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 10