แฟนบอลหลายคนอาจจะสงสัยกันว่าทำไม ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ หงแดง ลิเวอร์พูล ถึงเกลียดกันมาก เป็นธรรมดาที่แฟนบอลต้องแสดงความสะใจหรือเหยียดหยาม ใส่คู่อริที่พ่ายแพ้ไม่ว่าจะแพ้ทีมที่ตนเองเชียร์หรือทีมอื่นๆ บางคนก็คิดว่าอาจจะบาดหมางกันระหว่างผู้บริหารสโมสร แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่อย่างที่หลายคนคิด…
ลองย้อนกลับไปเมื่อ 120 กว่าปีที่แล้ว สมัยนั้นยังไม่ได้มีการก่อตั้งสโมสรฟุตบอล เมืองแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นเมืองที่มี อุตสาหกรรมรุ่งเรือง ในการผลิต ฝ้ายดิบ ส่วนทางลิเวอร์พูล เป็นเมืองท่าเรือ ที่สามารถเก็บโกยเงินทองได้เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งลิเวอร์พูลจะเป็นเมืองที่ เชื่อมความสัมพันธ์ในเกาะอังกฤษกับ ดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะไปยังอเมริกา
ทั้งสองเมืองนี้เมื่อก่อนเรียกได้ว่าอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เนื่องจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไม่มี การคมนาคมขนส่งทางน้ำ จึงต้องผ่านทางเมือง ลิเวอร์พูล ในการเดินทางหรือส่งออก แต่ในปี 1870 เศรษฐกิจเริ่มตกต่ำ ผู้คนต่างต้องดิ้นรนเอาตัวรอดเพื่อให้มีชีวิตอยู่ แต่เมืองแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คิดว่า ทางลิเวอร์พูล นั้นได้เก็บเงินค่าผ่านทางเรือ ทางรถไฟ สูงจนเกินไป ทำให้คนเมืองแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเดือดร้อนกันเป็นแถว เพราะเงินที่ใช้อยู่นั้นไม่พอกิน
ดังนั้น แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจึงคิดทำการสร้างท่าเรือและขุดคลอง เดินสายเข้ามายังเมืองของตัวเอง ทางเมืองแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจึงระดมเก็บเงินทุนเพื่อขุดคลองยาวมาจากแม่น้ำ Mersey เข้ามายังเมือง และเปิดทำการตั้งแต่ปี 1894 จากการทำท่าเรือของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทำให้ ลิเวอร์พูล ขาดรายได้มหาศาลทันที และทำให้คนเมือง ลิเวอร์พูล ตกงงาน จึงกลายเป็นความแค้นเคืองเล็กๆน้อยๆกันในอดีต และนี่คือจุดเริ่มต้นของรอยบาดหมางระหว่างทั้งสองสโมสร
ต่อมาจนทั้งสองสโมสรก่อตั้งทีมฟุตบอลและมีการแข่งขันกัน สำหรับทั้งสองทีมนั้นยังคงเป็นทีมยักษ์ใหญ่ในเกาะอังกฤษและทาง ลิเวอร์พูล นั้นได้แชมป์ลีกในปี 1963-1964 จากการทำทีมของ บิล แชงคลีย์ ส่วนแมนยูไนเต็ดนั้นได้แชมป์ ลีกในปีต่อมา โดยทั้งสองทีมนั้นสลับกันได้แชมป์และไล่บี้บดขยี้กันอย่างมัน สลับกันปีต่อปี
และเมื่อแมนยูไนเต็ดได้แชมป์ ยูโรเปี้ยนคัพ ปี 1968 ทางลิเวอร์พูลเอง ก็ไม่ยอมแพ้เช่นกันคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพได้ถึง 4 ครั้ง และกลายเป็นหน้าเป็นตาของเกาะอังกฤษและสโมสร รวมทั้ง ลิเวอร์พูล สามารถเก็บถ้วยรางวัล ดิวิชั่น 1 ได้ถึง 11 สมัย ซึ่งเปลี่ยนกุนซือมาแล้วถึง 3 คนคือ บิล แชงคลีย์ > บ็อบ เพลสลีย์ > โจ โฟแกน (ทั้งสามคนนี้ประสบความสำเร็จโดยเป็นกุนซือมือทองอันดับทอปๆของโลก)
ส่วนทางปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นมือเปล่ามาแล้ว ถึง 26 ปี โดยต้องตกอยู่ภายใต้ร่มเงาของลิเวอร์พูลมาโดยตลอด จนกระทั่ง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมที่กลับมาสร้างชีวิตชีวาให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกครั้ง และสามารถพาแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ลีกครั้งที่ 8 ได้สำเร็จ ในปี 1992-1993 เป็นเวลากว่า 26 ปีที่ เซอร์ คุมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและสามารถพาปีศาจแดง ได้แชมป์ถึง 20 สมัย ซึ่งมากกว่าลิเวอร์พูล และทัพหงส์แดงกลับมาสู้จุดสูงสุดอีกครั้งเมื่อปี 2004-2005 ที่สามารถคว้าแชมป์ยูโรปเปี้ยนไปครองได้สำเร็จ
ทุกครั้งที่มีการแข่งขันระหว่างศึกแดงเดือด ก็จะมีแฟนบอลทั้งสองทีมมารอที่หน้าสนามอย่างคับคั่งและบางครั้งอาจมีปัญหากันบ้าง ทั้งนี้ เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน ยังบอกอีกว่า “ไม่แปลกนะที่คนมารอดูการแข่งขัน มันเป็นเกมการแข่งขันระหว่างสองสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด”
**ทุกอย่างมันเป็นสีสันในโลกฟุตบอล คุณสมบัติของแฟนบอลที่ดีคือ ควรให้เกียรติคู่แข่งของตน**
ที่มา - http://www.gangzabaaball.com/news-details.php?item=1688
รูปภาพประกอบโดย - www.huffingtonpost.co.uk, www.flickr.com, en.wikipedia.org