ผู้เขียน หัวข้อ: บทสรุปเลกแรก “ไทยลีก”  (อ่าน 855 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

NotPayne

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 567
บทสรุปเลกแรก “ไทยลีก”
« เมื่อ: 04-06-17, 09:48:28 pm »
ฟุตบอล “โตโยต้า ไทยลีก 2017” UFABET ผ่านครึ่งทางแรกเรียบร้อยแล้วหลังทุกทีมเตะไป 17 นัด แต่ละทีมมีทั้งที่ทำผลงานได้ตามเป้าและผิดเป้า การแข่งขันฤดูกาลนี้ถือว่าเข้มข้นมาก แค่ “เลกแรก” มีเปลี่ยนโค้ชไปแล้วถึง 7 ราย !!!

สถานการณ์ลุ้นแชมป์แทงบอลผ่านเว็บถือว่าสนุกเลยทีเดียว จากที่หลายๆฤดูกาลมักจะจบเลกแรกแบบว่าเหลือลุ้นแค่ไม่กี่ทีม แต่ปีนี้ดูจากตารางคะแนนแล้วยังได้ลุ้นถึง 6-7 ทีมเพราะแต้มนำห่างกันไม่มาก

ช่วงครึ่งทางแรกกลายเป็น “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ได้แชมป์เลกแรกไปครองจากผลงาน ชนะ 12 เสมอ 1 แพ้ 4 เก็บไปแล้ว 37 แต้มเท่ากับ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ชนะ 11 เสมอ 4 แพ้ 2 มี 37 แต้มเท่ากัน

ไม่ต้องดราม่าอะไรทั้งสิ้น ระเบียบการแข่งขันเขียนไว้ชัดการจัดอันดับตารางคะแนนระหว่างแข่งขันจะดูที่ “ผลต่างประตูได้-เสีย” แต่ถ้าจัดอันดับหลังจบฤดูกาลจะดูที่การพบกันของทีมที่มีคะแนนเท่ากันหรือ “เฮดทูเฮด”

ดังนั้นเมื่อผ่านครึ่งทางแรก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จึงนำเป็น “จ่าฝูง” เนื่องจากมีผลต่างประตูได้-เสียที่ดีกว่าอยู่ 2 ประตู “กิเลน” มีประตูได้บวก 26 ส่วน “ปราสาทสายฟ้า” ประตูได้บวก 24

ทั้ง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถือว่าทำแต้มไล่บี้สูสีกันมาก และในเลกสองทั้ง 2 ทีมยังน่าเป็น “เต็งจ๋า” ที่จะคว้าแชมป์ แต่คงประมาททีมอื่นไม่ได้เช่นกันเพราะคะแนนห่างกันไม่มาก

สำหรับครึ่งทางแรกของ “กิเลน” ถือว่ามีหลากหลายรสชาติเหลือเกิน “แชมป์เก่า” ออกสตาร์ทได้ร้อนแรงชนะ 6 นัดรวดแบบไม่เสียประตู แต่มาสะดุดแพ้นัดแรกต่อ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คู่ปรับทีมสำคัญในเกมที่ 7 ของฤดูกาล

หลังจากนั้น เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กลับมาตั้งหลักใหม่ไม่แพ้ใครอีก 6 นัดติดต่อกัน ในจำนวนนี้เป็นการชนะถึง 5 เกมและเสมอ 1 เกม ทว่าทีมมาเสียหลักแพ้ 3 นัดรวดในเกมที่ 14-16 กับทีมน้องใหม่ล้วนๆทั้ง ไทยฮอนด้า การท่าเรือ และ อุบล ยูเอ็มที

“กิเลน” อยู่ในสภาพเมาหมัดแพ้ติดต่อกัน 6 นัดรวดรวมถึงเกมใน “เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2017” นัดสุดท้ายของรอบแรกและ 2 นัดในรอบน็อกเอาท์ด้วย แต่ยังดีที่ทีมกลับมาฟื้นเตะนัดสุดท้ายของเลกแรกด้วยการเอาชนะ เชียงราย ยูไนเต็ด

ว่ากันว่าเกมแบบลีกจะต้องมีช่วงเวลาที่สะดุด ถ้าดูกันตรงนี้ต้องถือว่า “กิเลน” สะดุดไปแล้ว และในเลกสองพวกเขาไม่ต้องมีถ้วยเอเชียให้เตะด้วยทำให้สภาพร่างกายน่าจะโอเคกว่าเลกแรกที่อาจเรียกได้ว่าค่อนข้างสะบักสะบอม

แม้ทีมต้องเสีย “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ไปเล่นเจลีก แต่มีการดึงตัวมาเสริมอีกหลายราย ไม่ว่าจะเป็น เฮเบอร์ตี เฟอร์นันเดซ, เลอันโดร อัสซัมเซา, ประกิต ดีพร้อม และ ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร ที่จะมาผนึกกำลังกับผู้เล่นระดับดีกรีทีมชาติ ดังนั้น “กิเลน” จึงยังเป็นเต็งจ๋าอยู่เหมือนเดิม

ส่วน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แม้จะเริ่มต้นไม่ร้อนแรงมากนักด้วยการเสมอ ชลบุรี แต่หลังจากนั้นเก็บชัยชนะรวด 4 เกมแล้วถึงค่อยสะดุดเสมอบ้างชนะบ้าง แต่กว่าที่ “ปราสาทสายฟ้า” จะแพ้นัดแรกต้องรอจนถึงเกมที่ 12 ของฤดูกาลเลยทีเดียว

พอแพ้นัดแรกด้วยการไปเยือน บางกอกกล๊าส ก็กลายเป็นแพ้ 2 นัดติดเล่นในบ้านแพ้ ราชบุรี มิตรผล แต่หลังจากนั้น “ปราสาทสายฟ้า” ไม่แพ้อีกเลยใน 4 เกมสุดท้ายของเลกแรกที่ชนะไปถึง 3 เกมและเสมอ 1

ถึงตรงนี้ต้องบอกว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ติดเครื่องแล้ว แนวรุกอย่าง ดิโอโก หลุยส์ ซานโต และ ชาช่า แค่ 2 คนยิงกันรวมแล้วถึง 27 ประตู แถมเลกสองยังเสริม ราฟาเอล บาสโตส นักเตะที่เคยมีค่าตัวร้อยล้านบาทมาเพิ่มประสิทธิภาพแนวรุกอีก

นอกจากนี้อาจได้ อันเดรส ตูเญซ อดีตปราการหลังจอมแกร่งกลับมาคุมแนวรับ ดูแล้วเลกสอง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด น่าจะแกร่งมากกว่าเดิมทำให้การลุ้นแชมป์กับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด น่าจะเป็นอะไรที่สนุกเหลือเกิน

ส่วนทีมอื่นที่อยู่ในข่ายลุ้นแชมป์ อันดับ 3 และ 4 เชียงราย ยูไนเต็ด กับ บางกอกกล๊าส มี 33 แต้มเท่ากันก็ถือว่าแต้มห่างไม่มาก ในรายของ “กว่างโซ้ง” ถือว่าเริ่มต้นฤดูกาลได้ดีเคยขึ้นนำจ่าฝูงมาแล้ว

จุดเด่นของ เชียงราย ยูไนเต็ด คือ “บราซิล คอนเนคชั่น” แนวรุกบราซิลจัดจ้านเหลือเกิน แต่ปัญหาคือตัวทดแทนยังค่อนข้างห่างตัวหลัก ดังนั้นเลกสองจึงต้องดูว่าจะแก้ปัญหาตรงนี้อย่างไร

ขณะที่ บางกอกกล๊าส ไม่สามารถรักษามาตรฐานตัวเองได้ นักเตะ “บีจี” เอาชนะทีมใหญ่ได้ทั้ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชลบุรี แบงค็อก ยูไนเต็ด แต่ดันแพ้ทีมในโซนตกชั้นอย่าง ไทยฮอนด้า คาบ้าน รวมถึงเป็นทีมเดียวที่เสียแต้มให้ ซุปเปอร์พาวเวอร์ จากการเสมอ

ถ้า “บีจี” แก้ปัญหาตรงนี้ได้น่าจะมีโอกาสลุ้นอีกยาวๆ ส่วนขุมกำลังพลในเลกสองถึงตรงนี้ยังไม่มีรายงานว่าทีมเสริมตัวผู้เล่นกี่มากน้อย โอกาสของ บางกอกกล๊าส มีทั้งดีกว่าเดิม เสมอตัว และแย่กว่าเดิม

ไล่เรียงสถานการณ์ต่ำกว่าอันดับ 4 ก็น่าจะมีลุ้นห่างๆแต่ไม่มาก “ฉลามชล” ชลบุรี ที่เกือบมีดราม่า “น้าเทิด” เทิดศักดิ์ ใจมั่น จะไปไม่รอด แต่สุดท้ายจบเลกแรกที่อันดับ 5 มี 31 คะแนน เลกสองพวกเขาเสริมตัวไม่เยอะแต่เป้าหมายของทีมก็ไม่ได้หวังสูงอยู่แล้ว

ส่วน “แข้งเทพ” แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ผลงานปีนี้ผิดจากเป้าหมายไปมาก แพ้ไปแล้วถึง 6 เกมยังสามารถพลิกสถานการณ์ชนะ 4 นัดรวดในช่วงนัดที่ 13-16 ทำให้กลับมาจบที่อันดับ 6 ได้มีอยู่ 29 คะแนนถือว่าห่างจากจ่าฝูงไม่มากนัก ดังนั้นอย่าเพิ่งกาชื่อทิ้งเด็ดขาด

อันดับ 7 8 9 นี่แต้มไล่เรียงกันเลย การท่าเรือ 28 แต้ม อุบล ยูเอ็มที 27 แต้ม และ ราชบุรี มิตรผล 26 แต้ม สถานการณ์ตรงนี้ถือว่ากลางตารางและห่างจากอันดับ 10 พอสมควร เลกสองคงไม่ต้องไปลุ้นโซนอันตรายแต่จะขยับสูงกว่านี้หรือไม่ต้องลุ้นหนักหน่อย

ส่วนสถานการณ์ท้ายตารางคะแนน ซุปเปอร์พาวเวอร์ โอกาสรอดน้อยจริงๆ เตะไป 17 นัดยังไม่ชนะใครมีแค่ 1 แต้มอยู่อันดับ 18 บ๊วยสุด แม้จะเปลี่ยนโค้ชจาก เฉลิมวุฒิ สง่าพล มาเป็น เจสิน วิธ ก็ไม่ดีขึ้น เลกสองรอลุ้นต่อว่า “โค้ชไข่” อภิสิทธิ์ ไข่แก้ว จะพาทีมฟื้นได้ขนาดไหน

แต่อีก 2 ทีมที่ต้องตกชั้นถือว่าลุ้นสนุก สุโขทัย ที่เปลี่ยนโค้ชจาก สมชาย มากมูล มาเป็น “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก เลยมีลุ้นมากขึ้น “โค้ชเบ๊” เข้ามาคุมทีม 11 นัดเก็บไป 12 แต้มจบเลกแรกแบบไม่อยู่โซนตกชั้นมี 15 คะแนน

ทว่าทีมอันดับ 16-17 ต่างมี 15 แต้มเท่ากันดังนั้นเลกสองน่าจะลุ้นกันสนุก ไทยฮอนด้า ทีมอันดับ 16 ที่ปลด “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย แล้วให้ เลโอนาร์โด เนย์วา เข้ามาคุมทีม 6 นัดสุดท้ายของเลกแรกพร้อมกับทำผลงานชนะ 2 แพ้ 4 มีการเสริมตัวใหม่ๆเพียบ

ด้าน ศรีสะเกษ ทีมอันดับ 17 ที่ตัดสินใจดึงเอา เวลิซาร์ โปปอฟ มาทำทีมแทน “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ต้องลุ้นเหนื่อยหน่อย แม้ที่ผ่านมา “โปปอฟ” คุมทีมไป 11 นัดในเลกแรก ชนะ 3 เสมอ 3 แพ้ 5 ถือว่าสถานการณ์ดีขึ้น แต่ทีมจะมีปัญหาตรงที่ปล่อย เลอันโดร อัมซัมเซา ดาวยิงตัวเก่งของทีมออกไปแล้ว

ส่วนทีมพนันบอลที่ยังไม่ปลอดภัยนักและยังประมาทไม่ได้ก็มีอีกหลายทีม ตั้งแต่อันดับ 13 และ 14 ราชนาวี กับ พัทยา ยูไนเต็ด ที่มี 19 แต้มเท่ากัน ห่างจากโซนตกชั้นแค่ 4 คะแนน รวมถึง นครราชสีมา ทีมอันดับ 12 ที่เลกแรกแพ้ยากแต่ก็ชนะยากเท่ากันเลยมีแค่ 20 แต้ม

รายของ สุพรรณบุรี ที่เปลี่ยนโค้ชไปแล้ว 2 ราย เริ่มจาก แซร์โจ้ ฟารีอาส มาถึง “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ จนเป็น อเดบาโย่ กาเดโบ คุมทีมในตอนนี้มี 22 แต้มอยู่อันดับ 11 ส่วน บีอีซี เทโรศาสน ที่เพิ่งแยกทางกับ อุทัย บุญเหมาะ และต้องหาโค้ชใหม่มี 23 แต้มอยู่อันดับ 10

นี่คือบทสรุปของ “โตโยต้า ไทยลีก 2017” เลกแรก ส่วนเลกสองจะกลับมาเตะวันที่ 17 มิ.ย.เป็นต้นไป ช่วงนี้บอลไม่มีเตะก็ตามข่าวการย้ายทีมกันไปก่อน จากนั้นค่อยมาลุ้นต่อในครึ่งทางหลังว่าที่สุดแล้วบทสรุปทั้งหมดของฤดูกาลนี้จะลงเอยอย่างไร
สมัครแทงบอลออนไลน์



 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Sitemap 1 2 3 4 5 6