ผู้เขียน หัวข้อ: อดีต ปัจจุบัน อนาคต….คิงส์คัพ  (อ่าน 727 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

NotPayne

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 567
ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” UFABET ครั้งที่ 45 มีกำหนดดวลแข้งวันที่ 14 - 16 ก.ค.นี้ เท่ากับว่าเหลือระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือนแล้ว แต่ถึงตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนที่แน่นอนของทีมที่ร่วมแข่งขัน

3 ทีมแทงบอลผ่านเว็บที่ยืนยันแน่ๆคือ ไทย เกาหลีเหนือ บรูกินาฟาโซ ส่วน เบลารุส ที่เพิ่งตอบรับมาเป็นทีมสุดท้ายดันทำท่าว่าจะไม่ชัวร์เพราะแจ้งว่าอาจไม่ได้ส่งชุดใหญ่มา ตรงนี้เลยยังไม่แน่ว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทีมหรือไม่

ถือเป็นอีกครั้งครับที่ฟุตบอล “คิงส์คัพ” ยังต้องลุ้นว่าจะเอาอย่างไร ทั้งที่นี่คือฟุตบอลถ้วยใบศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของเมืองไทยที่จัดการแข่งขันมาตั้งแต่พ.ศ.2511 และถือเป็นทัวนาเมนต์ระดับนานาชาติทีจัดต่อเนื่องอย่างนานที่สุดของทวีปเอเชีย

ย้อนอดีตกลับไปที่จุดเริ่มต้น ภายหลังทีมชาติไทยผ่านเข้าไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิก “เม็กซิโกซิติ้ 1968” ที่ประเทศเม็กซิโก สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้ขอพระราชทานถ้วยจาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9

จุดเริ่่มต้นฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” จึงเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อพ.ศ.2511

ฟุตบอล “คิงส์คัพ” คือทัวนาเมนต์ชั้นนำที่มียอดทีมมาร่วมแข่งขันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชาติแถวหน้าของเอเชีย รวมถึงทีมดังและนักเตะระดับโลกต่างเคยมาเป็นอาคันตุกะดวลแข้งที่เมืองไทย

ซูเปอร์สตาร์ดาวดังระดับโลกหลายคนเคยมาร่วมแข่งขัน “คิงส์คัพ” ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นดาวรุ่งหรือยังไม่เริ่มมีชื่อเสียง อาทิ ปีเตอร์ ชไมเคิล และสองพี่น้อง ไมเคิล - ไบรอัน เลาดรู๊ป ของเดนมาร์ก

ส่วนนักเตะเลือดไทยนั้นทุกคนหวังแจ้งเกิดและติดธงในรายการ “คิงส์คัพ” ทำให้นี่คือทัวนาเมนต์ที่น่าสนใจมาตลอด จึงไม่แปลกที่จะเคยเกิดเหตุ “สนามแตก” แฟนบอลล้นทะลึกลงไปนั่งบนลู่วิ่งสนามศุภขลาศัย

“คิงส์คัพ” มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อ สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) กำหนดให้ทัวนาเมนต์ระดับนานาชาติที่จัดแข่งขันทุกปีต้องมีทีมเข้าร่วมไม่เกิน 4 ทีม รูปแบบการแข่งขันจากที่เคยมี ไทยเอ ไทยบี แบ่งเป็น 2 สายจึงกลายเป็นเหลือแค่ 4 ทีม

แต่ “คิงส์คัพ” ยังเป็นเวทีที่ต้อนรับนักเตะระดับโลกหลายคน อย่าง ริวัลโด้ เคยนำทีมชาติบราซิลมาเตะแล้ว รวมถึง โรนัลดินโญ่ สมัยที่ยังไม่ดังก็เคยมาดวลแข้งด้วย หรือดาวดังในปัจจุบันอย่าง โรเบิร์ต เลบานดอฟสกี เพิ่งมากับโปแลนด์ไปเมื่อปี 2010

ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2016 “คิงส์คัพ” ถูกจัดขึ้นในโอกาสฉลองครบรอบ 100ปี การก่อตั้ง สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และบทสรุปจบลงด้วยความชื่นมื่นเมื่อขุนพล “ช้างศึก” คว้าแชมป์มาครอง

ส่วนการแข่งขันปีปัจจุบันครั้งที่ 45 ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เกิดคำถามขึ้นมากมาย เหตุเพราะไม่ได้จัดช่วง “ฟีฟ่าเดย์” จนทำให้หลายคนสงสัยว่ามีผลต่ออันดับโลกของ “ฟีฟ่า” หรือไม่

ยืนยันตรงนี้เลยครับว่า “คิงส์คัพ” มีผลต่อการสะสมคะแนนอันดับโลกแน่นอน การเก็บแต้ม “ฟีฟ่า แรงกิ้ง” ไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นช่วง “ฟีฟ่าเดย์” เท่านั้น แต่ “ฟีฟ่าเดย์” เป็นช่วงเวลาที่ “ฟีฟ่า” กำหนดให้สโมสรต้องปล่อยตัวนักเตะไปเล่นให้กับทีมชาติ

หากชาติไหนสามารถที่จะจัดการแข่งขันได้นอกเหนือจากโปรแกรม “ฟีฟ่าเดย์” ก็สามารถกระทำได้ ซึ่ง สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้จัดให้ “คิงส์คัพ” เป็นเกมระดับ “เอ แมตช์” ด้วย นั้นคือมีคะแนนสะสมอันดับโลกสูงแน่นอน

อธิบายให้เข้าใจคือ “ฟีฟ่า” จะมีแบบฟอร์มให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแต่ละชาติที่ส่งทีมแข่งขันได้ระบุยอมรับให้เป็น “เอ แมตช์” หมายถึงว่าต้องยืนยันเป็นทีมชาติชุดใหญ่ ไม่ใช่ดึงทีมสโมสรมาเล่นแต่อ้างเป็นทีมชาติแบบนี้ไม่ได้รับรองให้เป็น “เอ แมตช์”

ทั้งนี้คำว่าชุดใหญ่ของแต่ละชาติก็อยู่ที่ว่าจะส่งใครมาเล่น อาจไม่ใช่นักเตะชุดใหญ่จริงๆก็ได้ แต่ต้องยอมรับว่าเป็นทีมชาติชุดใหญ่ ยกตัวอย่างเหมือน เยอรมนี ที่ไปเตะ คอนเฟดเดอเรชั่นคัพ นั่นไงใช่ว่าจะเป็นชุดใหญ่ฟูลทีม

สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในฐานะ “เจ้าภาพ” จะส่งแบบฟอร์มให้ทุกชาติรับรองว่าเป็น “เอ แมตช์” แล้วส่งให้ทาง “ฟีฟ่า” รับรอง ดังนั้นทุกเกมจะมีแต้มสะสมอันดับโลกแน่นอน

การเตะกับทีมที่อันดับโลกสูงกว่าทำให้มีลุ้นได้คะแนนเยอะด้วย “คิงส์คัพ” จึงมีแต่ทีมที่อันดับสูงกว่าไทย ไม่ว่าจะเป็น บรูกินาฟาโซ อันดับ 41 ของโลก เบลารุส อันดับ 83 ของโลก และ เกาเหลีเหนือ อันดับ 114 ของโลก ส่วนไทยอันดับ 127 โลก

หากทีมไทยชนะทีมอันดับสูงกว่าจะได้ค่าสัมประสิทธิ์คะแนนเยอะขึ้น แต่ถ้าทีมอันดับสูงกว่าทีมไหนแพ้ไทยจะถูกตัดแต้มไปด้วย ดังนั้นทุกเกมจึงเต็มที่แน่นอน แต่ก็ต้องลงทุนสูงเพราะทีมที่มาเล่นกับไทยคือ “แพ้ขาดทุน” ส่วนเรามีแค่ลุ้นกำไร

การเชิญทีมมาแข่งขัน “คิงส์คัพ” จึงต้องลงทุนไม่น้อย ทั้งค่าที่พัก ค่าเดินทาง นอกจากนี้ยังต้องมีค่าจ้างที่จะต้องให้แต่ละทีมมาแข่งขัน อย่างที่บอกว่าหากมาเตะกับไทยแล้วแพ้จะมีผลต่ออันดับโลกของพวกเขาด้วย

อย่างไรก็ตามคงต้องชื่นชม สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ที่พยายามวางกลยุทธ์ทำให้ “ช้างศึก” ลงเตะเก็บคะแนนโลกเยอะๆเพื่อหวังกลับมาติด 1 ใน 100 ให้ได้ในเร็ววัน ถ้าอันดับโลกขยับสูงขึ้นเมื่อไรอะไรๆจะง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะครับ

แต่ที่ต้องติงคือการประสานงานที่ควรจะมีบทสรุปทีมแข่งขันล่วงหน้าที่ชัดเจน ไม่ใช่ว่าเหลือไม่ถึงเดือนแต่ยังไม่ชัวร์ว่าจะมีทีมอะไรบ้าง ปีหน้าวางแผนข้ามปีเลยครับ “คิงส์คัพ” ต้องจัดทุกปีอยู่แล้วติดต่อทีมกันล่วงหน้าได้เลย

โปรแกรมพนันบอล “ฟีฟ่าเดย์” ระบุล่วงหน้าข้ามปีอยู่แล้ว สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะวางคิว “คิงส์คัพ” ไว้ช่วงไหนสามารถทำได้เหมือนกัน ระบุเป็น “ปฏิทินลูกหนัง” เอาไว้เลยรับประกันว่าได้รับคำชมอื้อซ่าและจะทำให้วางแผนต่างๆได้อีกเยอะ

อนาคตของ “คิงส์คัพ” จะยังคงมนต์ขลังและเพิ่มมนต์เสน่ห์ได้มากแค่ไหนอยู่ที่การวางแผนล่วงหน้านี่ละครับ คัดคุณภาพทีมที่มาแข่ง เลือกเวลาแข่งขันและสถานที่ที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องเตะที่กรุงเทพมหานครเสมอไป

กล้าฟันธงได้เลยว่าแฟนบอลไทยล้วนเคยมีความทรงจำกับฟุตบอล “คิงส์คัพ” และทุกคนอยากมีส่วนร่วมสนับสนุนถ้วยที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของเมืองไทยแน่นอน
สมัครแทงบอลออนไลน์



 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Sitemap 1 2 3 4 5 6