กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: [1] 2 3 ... 10
1
Motor Zone / Ferrari Amalfi โดนแซวหนัก เพราะหน้าคล้าย Toyota GR Supra และ Prius
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 13-07-25, 12:37:31 pm »


Ferrari เปิดตัว Amalfi รุ่นใหม่ล่าสุดในไลน์อัป GT ของแบรนด์ ด้วยดีไซน์อันสง่างาม เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ และทรวดทรงแบบ grand tourer ที่แฟน ๆ คาดหวังจากมาราเนลโล่เต็มที่ แต่ทันทีที่ภาพเผยแพร่ออกมา โลกออนไลน์ก็เริ่มสังเกตเห็นบางอย่าง... ที่ดู ไม่ค่อยเฟอร์รารี่เท่าไหร่



หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หน้าตาเจ้า Amalfi นี่มันคล้าย Toyota มาก โดยเฉพาะ GR Supra และแม้แต่ Prius รุ่นล่าสุด
ภาพเรนเดอร์ยืนยันความคล้าย

ศิลปินดิจิทัล Theottle หรือ Theophilus Chin ได้หยิบแนวคิดนี้ไปต่อยอด ด้วยการปรับดีไซน์ Ferrari Amalfi ให้กลายเป็น Toyota GR Supra รุ่นใหม่ในจินตนาการ ผลลัพธ์น่าทึ่งเกินคาด เพราะแทบไม่ต้องเปลี่ยนอะไรมาก:
* ปรับทรงไฟหน้าเล็กน้อยให้ดูเหมือนดีไซน์ Toyota
* ขยายกระจังหน้าเล็กน้อย
* ถอดโลโก้ Ferrari ออก แล้วใส่ โลโก้ Toyota แทน ทั้งที่ฝากระโปรงและล้อ
* สีเหลือง Giallo Modena ก็แทบไม่ต่างจาก Karashi Yellow ของ Toyota Prius เลย

ความเหมือนที่อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ จริง ๆ แล้ว การเปรียบเทียบ Ferrari กับ Toyota ไม่ใช่เรื่องใหม่ ก่อนหน้านี้ Ferrari SF90 ก็เคยถูกนำไปเทียบกับดีไซน์ด้านหน้าของ Toyota Crown ที่ใช้แนว “hammerhead design” เช่นกัน

Amalfi เองก็ถูกมองว่ามีเส้นสายและจุดรับแสงที่คล้ายกับ Honda Prelude รุ่นใหม่ โดยเฉพาะไฟหน้าแคบและช่องรับลมที่กันชน แม้สัดส่วนโดยรวมจะยังคงความสปอร์ตหรูแบบ Ferrari อยู่มาก

การที่รถจากแบรนด์หรูอย่าง Ferrari ถูกพูดถึงว่า “คล้าย Toyota” อาจฟังดูขัดใจแฟน ๆ ม้าป่า แต่ก็น่าสนใจในมุมของการออกแบบ ที่หลายแบรนด์เริ่มใช้แนวคิดด้านแอโรไดนามิกและแสงเงาคล้ายคลึงกันมากขึ้น

ไม่แน่ว่าในอนาคต Toyota GR Supra หรือ Celica รุ่นถัดไป อาจมีแรงบันดาลใจจากดีไซน์ฝั่งยุโรปมากขึ้นก็เป็นได้ โดยเฉพาะเมื่อคำว่า “Ferrari look” เริ่มไม่ใช่เรื่องของแค่แบรนด์เดียวอีกต่อไป

ที่มา Carscoops
2
Motor Zone / ALL NEW MG3 HYBRID+ คว้ารางวัล “Affordable Hybrid Car of the Year 2025
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 13-07-25, 12:36:37 pm »


บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เผยความสำเร็จอันโดดเด่นของ ALL NEW MG3 HYBRID+ ที่สร้างชื่อเสียงอีกครั้งในตลาดยุโรป ด้วยการคว้ารางวัล Affordable Hybrid Car of the Year 2025 จากสื่อยานยนต์ชั้นนำแห่งสหราชอาณาจักรอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สอง โดยได้รับคำชื่นชมทั้งในด้านสมรรถนะอันทรงพลัง การขับขี่ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ความคุ้มค่าเหนือราคา และความประหยัดน้ำมันที่เกินความคาดหมาย ซึ่งรุ่นที่จำหน่ายในตลาดโลกนี้เป็นรุ่นเดียวกับที่ผลิตและประกอบในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความเป็น “ไฮบริดตัวจี๊ด” ที่พร้อมตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วโลกอย่างแท้จริง



ตลาดรถยนต์ไฮบริดขนาดเล็กถือเป็นตลาดที่มีความท้าทาย ด้วยการแข่งขันที่สูงและมีตัวเลือกที่หลากหลาย โดย ALL NEW MG3 HYBRID+ ได้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน ด้วยแนวคิดในการออกแบบที่มุ่งเน้นทั้ง สมรรถนะและความคุ้มค่า ด้วยระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่ประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างชาญฉลาด ALL NEW MG3 HYBRID+ มาพร้อมพละกำลังรวมสูงสุดถึง 192 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 8 วินาที ซึ่งถือเป็นระดับสมรรถนะที่เหนือกว่ามาตรฐานของรถในเซกเมนต์เดียวกันอย่างชัดเจน สมรรถนะนี้ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่ “ความแรง” หากแต่เป็นการออกแบบให้ แรงอย่างมั่นใจ เร้าใจอย่างมีสมดุล พร้อมตอบสนองได้อย่างคล่องตัวทั้งการใช้งานในเมือง รวมไปถึงบนถนนสายหลักที่ต้องการกำลังเครื่องที่ต่อเนื่องและนิ่งแน่น



หนึ่งในคุณสมบัติอันโดดเด่นที่ได้รับเสียงชื่นชมจากทั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและสื่อมวลชนสายยานยนต์ระดับแนวหน้าคือ “อัตราความประหยัดน้ำมันที่น่าทึ่ง ผสานความรู้สึกในการขับขี่ที่ใกล้เคียงกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100%” โดย ALL NEW MG3 HYBRID+ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่ให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานเป็นหลัก จึงสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองได้เฉลี่ยสูงถึง 26.2 กิโลเมตรต่อลิตร ทำระยะทางได้ไกลสูงสุดมากกว่า 800 กิโลเมตร การันตีด้วยการขับทดสอบโดยสื่อมวลชนในประเทศไทยและทั่วโลก สะท้อนถึงการพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ผู้ใช้จริงในทุกมิติ ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ให้ความกว้างขวางเหนือกว่ารถระดับเดียวกัน พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังที่รองรับได้มากถึง 1,037 ลิตร เติมเต็มฟังก์ชันความปลอดภัยและความสะดวกสบายด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครัน

ซึ่งก่อนหน้านี้ ALL NEW MG3 HYBRID+ ยังสามารถครองใจทั้งผู้บริโภคและนักวิจารณ์ในระดับสากล ด้วยการคว้ารางวัลอันทรงเกียรติอย่าง Affordable Car of the Year 2024 จาก Auto Express UK และ Best Value Car จาก The Business Car Awards ประเทศอังกฤษ ตอกย้ำความคุ้มค่าที่ไม่ใช่แค่คำพูด สำหรับประเทศไทย ALL NEW MG3 HYBRID+ ยังได้รับเกียรติสูงสุดด้วยการรับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2567 (Thailand Car of the Year 2024) ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ถือเป็นบทพิสูจน์อีกขั้นของคุณค่าทางผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านสมรรถนะและความคุ้มค่าจริงในสายตาผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ



นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ALL NEW MG3 HYBRID+ ไม่ได้เป็นเพียงยนตรกรรมรุ่นใหม่ในกลุ่มไฮบริดราคาประหยัด แต่ได้ก้าวลงแข่งขันในเกมการแข่งขัน Gymkhana GC Grid Competition Series 2025 ซึ่งแสดงให้เห็นสมรรถนะของรถยนต์ที่ลงตัว นี่คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์สำคัญของความมุ่งมั่นจาก เอ็มจี ที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่การผลิตรถยนต์ แต่ยังเดินหน้าสร้างสรรค์อนาคตของการขับเคลื่อนผ่านนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเข้าถึงได้จริงสำหรับผู้บริโภคในทุกระดับ ALL NEW MG3 HYBRID+ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการเป็น “ไฮบริดตัวจี๊ด” กับการเปลี่ยนผ่านที่ทรงพลัง สะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย สมรรถนะเหนือชั้น และความคุ้มค่าเหนือความคาดหมายไว้ได้อย่างลงตัวในรถยนต์รุ่นเดียว การได้รับรางวัล “Affordable Hybrid Car of the Year 2025” จากสื่อยานยนต์ชั้นนำในสหราชอาณาจักรถือเป็นอีกหนึ่งรางวัลที่สะท้อนถึงความไว้วางใจระดับนานาชาติที่มีต่อ แบรนด์ ทั้งนี้ เอ็มจี จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ผู้ใช้จริงในราคาที่เข้าถึงง่าย พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคตของยนตรกรรมอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป”



ALL NEW MG3 HYBRID+ ไฮบริดคุณภาพที่ครบเครื่องและคุ้มค่า ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 579,900 บาท พร้อมแคมเปญพิเศษ ดาวน์เริ่มต้นเพียง 8,888 บาท หรือ ผ่อนสบาย ๆ เริ่มเพียง 2,516 บาทต่อเดือน พร้อมการรับประกันตัวรถและระบบไฮบริดนาน 6 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร รวมถึง การรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนาน 10 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง โดยผู้สนใจสามารถทดลองขับและเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการคุณภาพ เอ็มจี ทั่วประเทศ

ที่มา: https://www.autoexpress.co.uk/best/hybrid-cars
ข้อมูลรถยนต์ ALL NEW MG3 HYBRID+ : https://bit.ly/4kHTjQ3   
ข้อเสนอพิเศษ ALL NEW MG3 HYBRID+ : https://bit.ly/4kCrgBp

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของเอ็มจี ได้ที่
Website: www.mgcars.com
Line: @MGThailand
Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand
Twitter: @mg_thailand
Instagram: @mgthailand
Youtube: MG Thailand
TikTok: @mgthailand
Application: MG Thailand
3


Toyota เดินหน้าขยายกลยุทธ์พลังงานทางเลือกในยุโรปอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เปิดตัว Urban Cruiser รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเล็กสุดในไลน์อัปที่ออกแบบมาเพื่อชาวยุโรปโดยเฉพาะ โดยรุ่นนี้มีพื้นฐานจาก Suzuki แต่ปรับโฉมใหม่ในแบบฉบับของ Toyota พร้อมฟีเจอร์ออฟโรดเล็ก ๆ ที่สื่อถึงจิตวิญญาณ Land Cruiser รุ่นพี่



พัฒนาบนแพลตฟอร์ม Suzuki แม้จะใช้ชื่อ Toyota แต่ Urban Cruiser คันนี้พัฒนาบนแพลตฟอร์ม Heartect-e ของ Suzuki ซึ่งเป็นพื้นฐานเดียวกับ Suzuki eVitara ไม่ใช่แพลตฟอร์ม e-TNGA ของ Toyota เอง นั่นหมายความว่าโครงสร้างหลักและสัดส่วนของตัวรถเกือบทั้งหมดถอดแบบมาจาก Suzuki ต่างเพียงแค่โลโก้ ภาพลักษณ์ไฟหน้าแบบ Hammerhead และรายละเอียดเล็กน้อยที่ Toyota ใส่เข้ามาเพิ่มความแตกต่าง

ขนาดกระทัดรัด แต่ภายในกว้าง ตัวถังยาว 4,285 มม. (ยาวกว่า Yaris Cross แต่สั้นกว่า C-HR) แต่มีฐานล้อถึง 2,700 มม. ซึ่งใกล้เคียงกับรถ SUV ขนาดกลาง ทำให้ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง โดยเฉพาะพื้นที่วางขาเบาะหลัง แต่ข้อจำกัดของการใช้พื้นแบตเตอรี่อยู่ใต้พื้น ทำให้ศีรษะผู้โดยสารตอนหลังอาจรู้สึกอึดอัด โดยเฉพาะในรุ่นที่มีซันรูฟ



ภายในถอดแบบ Suzuki แต่เทคโนโลยีครบ ห้องโดยสารของ Urban Cruiser แทบจะเหมือนกับ eVitara โดยมีหน้าจอคู่แบบดิจิทัล (มาตรวัด 10.25 นิ้ว + จอกลาง 10.1 นิ้ว) พร้อมระบบแสดงผลแสงไฟตกแต่ง Ambient Light และแผงควบคุมจริงใต้หน้าจอ บรรยากาศโดยรวมดูทันสมัย แม้จะใช้วัสดุพลาสติกแข็งหลายจุด

พลังงานไฟฟ้าล้วน พร้อม 3 ทางเลือกขับเคลื่อน Urban Cruiser เสนอระบบขับเคลื่อนทั้งหมด 3 แบบ:
* มอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อมแบตเตอรี่ LFP 61 kWh วิ่งได้ประมาณ 400 กม. (มาตรฐาน CLTC)
* มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ กำลังรวม 182 แรงม้า วิ่งได้ราว 350 กม.
* รุ่นพื้นฐาน แบตเตอรี่เล็กกว่า (ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด)



Toyota ยังเติมฟีเจอร์สำหรับการขับขี่บนพื้นผิวลื่น เช่น Trail Mode และ Downhill Assist Control เพื่อเสริมความสามารถเล็กน้อยนอกเมือง แม้จะไม่ใช่รถลุยสายแข็งแบบ Land Cruiser ก็ตาม

รากเหง้าและความคุ้นเคยในชื่อ "Urban Cruiser" นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Toyota ใช้ชื่อ Urban Cruiser ชื่อนี้เคยถูกใช้กับรถต้นแบบในปี 2006 และเวอร์ชันผลิตจริงที่วางขายในยุโรปปี 2008–2014 รวมถึงในตลาดอินเดีย ซึ่ง Toyota ทำงานร่วมกับ Suzuki มาอย่างยาวนาน



เตรียมพร้อมลุยตลาดยุโรป พร้อมพี่น้อง EV รุ่นใหม่ โดย Urban Cruiser จะเข้าร่วมกับรุ่นใหม่อีก 2 คันในยุโรป ได้แก่:
* C-HR+ รุ่นไฟฟ้าสไตล์สปอร์ตขนาด C-SUV ที่ใหญ่และหรูขึ้น
* bZ4X รุ่นปรับโฉม ที่เพิ่มฟีเจอร์ลุยทางฝุ่น พร้อมระบบ X-Mode จาก Subaru

Toyota ตั้งเป้ามี EV ให้เลือกในยุโรปถึง 4 รุ่นภายในปี 2025 (รวมถึงรุ่นใหม่อย่าง bZ Woodland) เพิ่มขึ้นจาก 1 รุ่นในปัจจุบัน ชี้ให้เห็นถึงการขยายพอร์ต EV อย่างจริงจัง แม้ผู้บริหารจะยังมีมุมมองแบบ "ทางเลือกหลากหลาย" ไม่มุ่ง EV เพียงอย่างเดียว

ที่มา Carscoops
4


Polestar กำลังเรียกคืนรถยนต์รุ่น Polestar 3 จำนวน 19 คันในสหรัฐฯ หลังพบว่า หลังคากระจกแบบพาโนรามา (panoramic glass roof) อาจไม่ได้ยึดติดกับตัวถังอย่างถูกต้อง และในบางกรณีอาจถึงขั้น ปลิวหลุดขณะขับขี่



สาเหตุของปัญหา เทปกาวที่หลงเหลือจากกระบวนการซ่อมสี รถที่ได้รับผลกระทบเป็นล็อตเล็กที่ถูกส่งกลับไปยังสายการผลิตเพื่อทำ งานแก้ไขสีตัวถัง ซึ่งในกระบวนการนั้น ช่างเทคนิคได้ใช้ เทปกาวปิดบัง (masking tape) และ Polestar ระบุว่า เทปบางชิ้นอาจ ไม่ได้รับการลอกออกหมด ก่อนการติดตั้งหลังคากระจก ส่งผลให้กาวติดตั้งกระจกไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

แม้จะดูเหมือนปัญหาเล็กน้อย แต่ผลกระทบกลับรุนแรง เพราะหากโครงสร้างระหว่างหลังคากับตัวรถไม่แน่นหนา กระจกขนาดใหญ่ด้านบนอาจหลุดลอยออกจากรถได้ระหว่างขับด้วยความเร็วสูง



สัญญาณเตือนที่เจ้าของควรสังเกต
* น้ำรั่วซึมเข้าสู่ห้องโดยสาร
* เสียงลมหรือเสียงภายนอกดังผิดปกติขณะขับขี่
* ระบบไฟฟ้าในห้องโดยสารทำงานผิดปกติ

หากพบอาการเหล่านี้ ควรนำรถเข้าตรวจสอบทันที โดยเจ้าของสามารถตรวจสอบสถานะ VIN ของรถผ่านระบบ NHTSA หรือที่ศูนย์บริการ Polestar ได้



แนวทางแก้ไขจาก Polestar ทางบริษัทจะเรียกรถเข้ารับบริการเพื่อลอกเทปกาวออกจากขอบกระจก และ เปลี่ยนหลังคากระจกใหม่ทั้งหมด โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับรถ Polestar 3 ที่ผลิต หลังวันที่ 3 ธันวาคม 2024 ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ เนื่องจากกระบวนการผลิตถูกปรับแก้แล้ว

แม้จะเกิดกับรถจำนวนน้อยและยังไม่พบอุบัติเหตุใด ๆ จากปัญหานี้ แต่ Polestar ก็ไม่ประมาท พร้อมเรียกรถกลับเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงป้องกัน ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง โดย จะเริ่มส่งจดหมายแจ้งเจ้าของรถที่ได้รับผลกระทบภายในวันที่ 18 สิงหาคม 2025

ที่มา Carscoops
5
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • Jernny •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 13-07-25, 12:18:48 pm »








Model: Jernny Pasicha
6
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • Anita •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 13-07-25, 12:16:24 pm »









Model : Anita Bunpan
7
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • Propeller •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 13-07-25, 12:13:11 pm »











Model: Propeller Marlborough

8
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • Nampeth •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 13-07-25, 12:10:40 pm »









Model: Nampeth Kaewkas
9
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • Francesca •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 05-07-25, 03:07:11 pm »











Model : FRANCESCA RUSSO
10
Sexy Room / (รูปภาพ เซ็กซี่ 18+) • Fiess •
« กระทู้ล่าสุด โดย Hugball เมื่อ 05-07-25, 03:03:38 pm »












Model: Juthatip Sripho
หน้า: [1] 2 3 ... 10